ย้อนมองปรากฏการณ์ Robinhood สะท้อนผลการยุติกิจการแพลตฟอร์ม ผลกระทบ วิธีการปิดกิจการที่ใช้บริการ ผู้ดำเนินธุรกิจต้องทราบ ส่วนผู้ใช้บริการต้องรักษาสิทธิและช่องทางเยียวยา ด้วย
เมื่อเดือนที่ผ่านมา Robinhood แพลตฟอร์มฟู้ดดิลิเวอรี่ ได้ประกาศยุติการดำเนินการ ให้กรอบเส้นตายถึง 31 ก.ค.2567 แม้ต่อมาจะคงบริการฟู้ดดิลิเวอรี่ไว้เพื่อรอการขายแพลตฟอร์มออกไปให้นักลงทุนรายใหม่ แต่การประกาศในครั้งแรกนั้นทำให้เห็นว่า แพลตฟอร์ม ยิ่งใหญ่ ยิ่งมีผลกับผู้คนจำนวนมาก
หากจำกันได้ ทันทีที่มีประกาศจากทางแอป Robinhood นอกจากผู้ใช้บริการอย่างเรา ๆ จะตกใจไปตามๆ กันแล้ว คนที่สะเทือนขวัญที่สุดกลุ่มแรก เป็น “ไรเดอร์” หรือพาร์ทเนอร์คนขับหลายร้อยหลายพันคนที่เตรียมแขวนเสื้อแจ็กเกต ซึ่งมีทั้งพันธะเรื่องงานและเรื่องการเช่ารถอีวีของ Third Party ผ่านโรบินฮู้ด
ต่อมาคือผู้ประกอบการร้านค้าร้านอาหารที่วางขายบนแพลตฟอร์ม ที่หลายรายมีพันธะเรื่องสินเชื่ออยู่ สุดท้ายเห็นจะเป็นพนักงานที่ต้องเก็บโต๊ะหางานใหม่
อย่างไรก็ตาม ย้ำ ว่าตอนนี้ Robinhood จะยังคงธุรกิจฟู้ดดิลิเวอรี่อยู่! ตามประกาศของบริษัทแม่เมื่อวันที่ 30 ก.ค. 2567 ที่ผ่านมา
แต่จากเหตุการณ์ที่ผ่านมา ผลกระทบที่เกี่ยวข้องกับคนหลายฝ่าย ไม่ได้มีแค่ Robinhood เท่านั้น แต่ยังมีแพลตฟอร์มอีกมากที่หากจะต้องปิดการดำเนินธุรกิจต้องเตรียมตัวอย่างดี ซึ่งตอนนี้ประเทศไทยมีแนวทางเป็นกฎหมายบังคับใช้อยู่ ผ่านอำนาจของ พ.ร.ฎ. การประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ต้องแจ้งให้ทราบ พ.ศ. 2565 หรือ “กฎหมาย DPS” (Digital Platform Services)
ข้อควรรู้ สิ่งที่แพลตฟอร์มดิจิทัลต้องทำก่อนเลิกให้บริการ
สาระสำคัญของกฎหมาย DPS ไม่เพียงกำหนดหน้าที่ให้แพลตฟอร์มดิจิทัล ที่เป็น “บริการสื่อกลาง” ต้องมาแจ้งข้อมูลการประกอบธุรกิจเมื่อเริ่มประกอบธุรกิจให้บริการเท่านั้น แต่เมื่อต้องการจะเลิกประกอบธุรกิจบริการ หรือ ยุติการให้บริการก็ต้องมา “แจ้งเลิกประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล” ให้ สำนักงาน ในทีนี้หมายถึง สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ETDA รวมถึง ผู้ใช้บริการ ไม่ว่าจะเป็น พ่อค้าแม่ค้าบนแพลตฟอร์ม ผู้บริโภค รวมถึงไรเดอร์ เป็นต้น ทราบล่วงหน้า เพื่อให้ผู้ใช้บริการมีเวลาในการปรับตัวและหาทางเลือกใหม่ในการเลือกใช้บริการ
แพลตฟอร์มดิจิทัลที่มีคุณลักษณะไหนบ้าง? ที่ต้องแจ้งก่อนเลิกให้บริการ
ธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล ที่ต้องแจ้งให้ทราบก่อนเลิกประกอบธุรกิจหรือเลิกให้บริการ จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ
กลุ่มแพลตฟอร์มที่มีหน้าที่ต้องมาแจ้งเลิกประกอบธุรกิจ กลุ่มนี้จะมีทั้งหมด 3 ประเภทตามที่กฎหมายกำหนด ได้แก่ แพลตฟอร์มดิจิทัลประเภททั่วไป ตาม มาตรา 8 วรรคหนึ่ง ที่มีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี (กรณีบุคคลธรรมดา) หรือ มีรายได้เกิน 50 ล้านบาทต่อปี (กรณีนิติบุคคล) หรือ มีผู้ใช้งานเกิน 5,000 รายต่อเดือน (โดยคำนวณจากการใช้งานเฉลี่ยต่อเดือนย้อนหลังตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงานประกาศกำหนด)
อีกประเภทคือ แพลตฟอร์มดิจิทัล ตาม มาตรา 16 ที่เป็นบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่มีลักษณะให้บริการโดยคิดค่าบริการ, ให้บริการเป็นสื่อกลางในการเสนอสินค้าหรือบริการ, ผู้ประกอบธุรกิจมีสัญญากับผู้ประกอบการในการเสนอสินค้าหรือบริการ หรือเป็นบริการ search engine และแพลตฟอร์มดิจิทัล ตามมาตรา 18 วรรคสอง ที่มีขนาดใหญ่ มีรายได้ก่อนหักค่าใช้จ่ายแต่ละประเภทบริการเกิน 300 ล้านบาทต่อปี หรือ รวมทุกประเภทเกิน 1,000 ล้านบาทต่อปี หรือ จำนวนผู้ใช้บริการเฉลี่ย (AMAU) เกิน 10% ของจำนวนประชากร หรือ แพลตฟอร์มดิจิทัลที่มีลักษณะเฉพาะตามความเสี่ยงที่มีผลกระทบในระดับสูง ตามประกาศคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (คธอ.)
ส่วนอีกกลุ่ม คือ กลุ่มแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ขอความร่วมมือให้แจ้งเลิกประกอบธุรกิจ โดยทาง ETDA มีกระบวนการดำเนินงานที่มุ่งเน้นให้เกิดความโปร่งใสและความมั่นใจต่อบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล ETDA จึงได้ขอความร่วมมือให้มาแจ้ง ซึ่งบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลในกลุ่มนี้ ได้แก่ แพลตฟอร์มดิจิทัลขนาดเล็ก ตามมาตรา 8 วรรคสามและวรรคสี่ ที่มีรายได้น้อยกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี (กรณีบุคคลธรรมดา) หรือ มีรายได้น้อยกว่า 50 ล้านบาทต่อปี (กรณีนิติบุคคล) หรือ มีผู้ใช้งานไม่เกิน 5,000 รายต่อเดือน หรือ แพลตฟอร์มที่มีผลกระทบต่ำ ตามประกาศ คธอ. นั่นเอง
เปิดขั้นตอนที่ต้องทำ…ก่อนเลิกประกอบธุรกิจแพลตฟอร์ม
เมื่อเราทราบแล้วว่า กลุ่มแพลตฟอร์มที่มีหน้าที่ต้องมาแจ้งเลิกประกอบธุรกิจ มีประเภทไหนบ้าง ก็มาเจาะลึกในประเด็นเรื่องของขั้นตอนที่ต้องทำเมื่อต้องแจ้งเลิกกันต่อซึ่งตาม ประกาศ สพธอ. เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการแจ้งการเลิกประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล ภายใต้ประกาศฉบับนี้ ได้กำหนดเงื่อนไขของการแจ้งเลิกที่แพลตฟอร์มดิจิทัลแต่ละประเภทที่จะต้องปฏิบัติตาม
เริ่มที่ แพลตฟอร์มดิจิทัลทั่วไป ตามมาตรา 8 วรรคหนึ่ง ที่ถือเป็นบริการแพลตฟอร์มที่ให้บริการแก่คนไทยในวงกว้าง ประกาศฉบับนี้ได้กำหนดว่าหากจะต้องการเลิกประกอบธุรกิจ ก็จะต้องแจ้งวันที่จะเลิก ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 60 วัน ก่อนวันที่จะเลิก เช่น ต้องการให้วันที่เลิกประกอบธุรกิจ มีผลวันที่ 1 สิงหาคม ก็ต้องดำเนินการแจ้งเลิกกับ ETDA และผู้ใช้บริการ ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 60 วัน คือ ต้องแจ้งเลิกไม่เกินวันที่ 2 มิถุนายน เป็นต้น
ขณะที่ แพลตฟอร์มดิจิทัลตามมาตรา 16 และมาตรา 18 วรรคสอง จะต้องแจ้งวันที่จะเลิกล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 120 วัน โดยข้อมูลที่ต้องแจ้งให้ ETDA ทราบกรณีแจ้งเลิกประกอบธุรกิจ จะมีข้อมูลเกี่ยวกับผู้ประสงค์จะเลิกประกอบธุรกิจ ข้อมูลเกี่ยวกับบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล ข้อมูลเกี่ยวกับการเลิกประกอบธุรกิจ เช่น วันที่และเหตุผลที่จะเลิก ช่องทางหรือวิธีการที่จะประกาศการแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบ ผู้ประสานงาน และช่องทางการติดต่อ เป็นต้น
แผนมาตรการเยียวยาห้ามขาด! สิทธิที่ผู้ใช้บริการต้องรู้
นอกจากระยะเวลาของการแจ้งเลิกล่วงหน้าที่แตกต่างกันแล้ว แพลตฟอร์ม มาตรา 16 และ มาตรา 18 วรรคสอง ก็จะต้องมีหน้าที่ต้องทำเพิ่มเติมต่างจาก บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลทั่วไป ซึ่งในส่วนนี้ถือว่ามีความสำคัญ เพราะผู้ใช้บริการแพลตฟอร์มเองจะต้องรู้ เพื่อให้สามารถเข้าถึงสิทธิในการดูแลเยียวยาที่พึงมีได้
เพราะหน้าที่เพิ่มเติมที่ว่านั่นคือการจัดทำแผนและมาตรฐานในการดูแล เยียวยาผู้ใช้บริการภายใต้ ประกาศ คธอ. เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขให้ผู้ประกอบธุรกิจชดใช้หรือเยียวยาผู้ใช้บริการซึ่งได้รับความเสียหายจากการใช้บริการ หรือการอื่นที่จำเป็นเพื่อคุ้มครองผู้ใช้บริการ อย่างน้อยๆ แพลตฟอร์มที่มีลักษณะตามข้างต้น จะต้องมีมาตรการและกระบวนการในการดูแลผู้ใช้บริการก่อนเลิกประกอบธุรกิจ เช่น
1.แนวทางการหยุดการให้บริการเพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการในการชดใช้หรือเยียวยาผู้ได้รับความเสียหายจากการเลิกประกอบธุรกิจ
2. มาตรการในการชดใช้หรือเยียวยาผู้ใช้บริการที่ได้รับความเสียหาย เช่น การจัดการชำระหรือโอนค่าบริการ การคืนค่าบริการ หรือการเก็บรักษาค่าบริการของผู้ใช้บริการที่ไม่สามารถติดต่อได้หรือไม่ติดต่อขอรับภายในเวลาที่กำหนด รวมถึงการจัดการข้อมูลต่างๆ
3. กระบวนการจัดการข้อพิพาทและช่องทางการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ใช้ ที่อย่างน้อยจะต้องมี กระบวนการจัดการเรื่องร้องเรียน, ช่องทางการให้ความช่วยเหลือและขั้นตอนการเยียวยาความเสียหาย
4. มาตรการอื่นๆ ที่ETDA อาจกำหนดเพิ่มเติม ถ้าบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลมีความเสียหาย ส่งผลกระทบต่อสาธารณะชนในวงกว้างหรือไม่สามารถระงับข้อพิพาทได้
ทั้งนี้การคุ้มครองให้ผู้ใช้บริการแพลตฟอร์มได้รับการดูแล เข้าถึงการเยียวยาและความเป็นธรรมในการใช้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลทั้งในช่วงก่อนและหลังการเลิกประกอบธุรกิจแพลตฟอร์มดิจิทัล ไม่เพียงช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงการร่วมยกระดับบริการที่มีคุณภาพของบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล ที่ไม่เพียงมีแนวปฏิบัติที่สอดคล้องกับกฎหมาย แต่ยังใส่ใจและให้ความสำคัญกับผู้ใช้บริการด้วย
ธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ต้องการแจ้งเลิกประกอบธุรกิจสามารถแจ้งข้อมูลและหลักฐานต่างๆ ผ่านระบบแจ้งการประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลของ ETDA ได้ที่ลิงก์ https://eservice.etda.or.th/dps/th/login
และหากบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลเกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับเงื่อนไขการแจ้งเลิกประกอบธุรกิจ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เบอร์โทรศัพท์ 02-123-1234 (ติดต่อทีมกำกับดูแลกฎหมาย DPS) ในช่วงวัน และเวลาราชการ (9.00-17.00 น.) หรือที่เพจ ETDA Thailand
ส่วนผู้ใช้บริการที่ได้รับผลกระทบจากบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล สามารถโทรแจ้งได้ที่ สายด่วน 1212 ETDA พร้อมรับเรื่องร้องเรียน ประสานงานการดูแลอย่างเต็มที่ ตลอด 24 ชั่วโมง