เปิดสเป็กหลุด iPhone 16 จี้ซัพพลายเออร์เร่งผลิตชิ้นส่วน พร้อมวางขายกันยายน 2567 ตั้งเป้าสิ้นปี 2024 ยอดรวมจัดส่งได้กว่า 90 ล้านเครื่อง ท่ามกลางความล่าช้าของ Apple Intelligence และยอดขายที่ตกต่ำในจีน
วันที่ 13 สิงหาคม 2567 ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า ในสื่อสังคมออนไลน์รวมถึงเว็บไซต์ต่าง ๆ เริ่มมีการเผยแพร่สเป็กของ iPhone 16 ผลิตภัณฑ์เรือธงของบริษัท Apple inc. ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวและจำหน่ายในช่วงปลายเดือนกันยายน-ตุลาคมนี้
อย่างไรก็ตาม “มาร์ค เกอร์แมน” นักข่าวสายไอทีของบลูมเบิร์ก รายงานเชิงวิเคราะห์ว่า iPhone 16 จะมีการเปลี่ยนแปลงจาก iPhone 15 ไม่มากนัก เช่น การเพิ่มปุ่ม Action Button ให้กับ iPhone 16 จากเดิมที่ให้มากับรุ่นท็อป Pro และ Pro Max รวมถึงการอัพเกรดประสิทธิภาพชิปเซตให้รองรับฟีเจอร์ปัญญาประดิษฐ์ Apple Intelligence ซึ่งทำรองรับอุปกรณ์ขนาดใหญ่อย่าง iPad iMac ซึ่งใช้ชิปตระกูล M1 ขึ้นไป
ขณะที่ iPhone ใช้ชิปตระกูล A17 ที่รองรับ AI ได้สุดแค่ในรุ่น iPhone 15 Pro และ Pro Max เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม การพัฒนา Apple Intelligence ฟีเจอร์เอไอของ Apple จะล่าช้าออกไปหลังจากเปิดตัว iPhone 16 ทำให้ไม่พร้อมสำหรับระบบปฏิบัติการ iOS 18 ที่จะเปิดให้อัพเดตพร้อมกับเปิดตัว iPhone 16 ซึ่งติดตั้ง iOS 18 จากโรงงาน
ส่วนรายละเอียดอื่น “เกอร์แมน” ชี้ว่า iPhone 16 ยังคงมี 4 รุ่นย่อย 16, 16+, 16 Pro และ Pro Max
และยังมีการเปลี่ยนแปลงขนาดหน้าจอเล็กน้อย iPhone 16 Pro จะเพิ่มจาก 6.1 นิ้ว ไปเป็น 6.3 นิ้ว และ iPhone 16 Pro Max จาก 6.7 นิ้ว ไปเป็น 6.9 นิ้ว
ส่วนสีสันจะเป็น Rose Gold ทุกรุ่นใช้ชิป Apple A18 มีขนาดแรม 8GB ทั้งหมด
ขณะที่ Business insider อ้างบล็อกโพสต์บน Medium ของ Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์จากไต้หวัน ที่คาดการณ์ว่า อาจมีปุ่มควบคุมกล้องที่ทํางานคล้ายกับปุ่มบนกล้อง DSLR ช่วยให้คุณกดบางส่วนเพื่อโฟกัสภาพได้
ทั้งนี้ แบตเตอรี่ของ iPhone 16 Pro Max อาจจะแตกต่างจากรุ่นก่อนหน้า เซลล์แบตเตอรี่จะเพิ่มขึ้นในอุปกรณ์ ซึ่งบ่งชี้ว่าอุปกรณ์จะมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้น หรือตัวแบตเตอรี่เองอาจมีขนาดเล็กลง
โฆษณาแต่การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะเพิ่มอุณหภูมิของแบตเตอรี่ แต่ Apple อาจต่อสู้กับสิ่งนี้ด้วยกล่องแบตเตอรี่สเตนเลส ซึ่งจะเป็นครั้งแรกสําหรับบริษัท การปรับแต่งแบตเตอรี่จะช่วยให้ Apple ปฏิบัติตามกฎระเบียบของสหภาพยุโรปที่กําหนดให้สมาร์ทโฟนทุกรุ่นต้องมีแบตเตอรี่ที่เปลี่ยนได้ภายในปี 2027 เนื่องจากจะถอดออกได้ง่ายกว่า
และตัวกรอบสเตนเลสจะช่วยให้ Apple สามารถเพิ่มความจุเซลล์แบตเตอรี่ได้ 5-10% ในขณะที่ปฏิบัติตามข้อกําหนดด้านความปลอดภัย บรรลุเป้าหมายสองประการพร้อมกัน
iPhone 17 เปลี่ยนทิศ Apple
ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานด้วยว่า นับตั้งแต่ iPhone X ในปี 2017 มีการยกเครื่องดีไซน์ครั้งใหญ่ นำปุ่มโฮมออก กรอบเครื่องโค้งเว้า รวมถึงสเปกหน้าจอ และอื่น ๆ ถึงตอนนี้แทบจะไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีก นอกจากในรุ่นที่ 12 ที่กลับไปใช้กรอบเหลี่ยมเช่นเดิม
การเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ของ iPhone จะเกิดขึ้นในรุ่นถัดไป ซึ่งอาจได้เห็นใน iPhone 17 หรือหลังจากนั้นอีกหลายรุ่น เรียกว่าเป็น iPhone “Generation 4” หรือรุ่นใหม่ที่เปลี่ยนดีไซน์สิ้นเชิง อาจมีตัวเลือกที่เน้นความบาง มากกว่าที่จะเน้นเรื่องของสเป็กเครื่อง หรือความสามารถด้านการถ่ายภาพ รวมถึงแบบจอพับ หรือ Foldable iPhone แต่พัฒนาการเหล่านี้อาจลากยาวไปถึงปี 2027 เป็นอย่างน้อย
ฝ่าสมรภูมิสงคราม AI ในจีน
บลูมเบิร์ก รายงานด้วยว่า Apple ตั้งเป้าฝันไกลว่า iPhone 16 จะถือธงนำทำให้ Apple จัดส่ง iPhone 16 ได้ถึง 90 ล้านเครื่องในครึ่งหลังของปี 2024 ซึ่งหากนับเวลาเปิดตัว ก็จะมีเวลาแค่ 3 เดือนเท่านั้น
ขณะที่ Wall Street Journal คาดการณ์ว่า เรือธงที่แท้จริงของ Apple คือ ฟีเจอร์สเอไอ Apple Intelligence ที่จะเปิดตัวในปีนี้ รายได้จะกลับมาเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2024 แต่จะเพิ่มได้แค่ 1% ก่อนที่จะเร่งตัวขึ้นเป็น 7% ในปี 2025 ในส่วนฮาร์ดแวร์ iPhone คาดว่ารายได้จะลดลงในช่วงสองไตรมาสสุดท้ายของปี 2024 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม Apple เชื่อมั่นอย่างมาก เห็นได้จากการเร่งซัพพลายเออร์และพันธมิตร ให้ตั้งเป้าการจัดส่ง iPhone ใหม่เพิ่มขึ้นประมาณ 10% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน หลังจากจัดส่ง iPhone 15 ประมาณ 81 ล้านเครื่องในช่วงครึ่งหลังของปี 2023
ศูนย์ผลิตสำคัญอย่างโรงงาน Foxconn เพิ่มพนักงาน 50,000 คนเพื่อเร่งผลิตและประกอบชิ้นส่วน ขณะที่ผู้ผลิตหน้าจออย่าง Samsung และ LG ก็เดินหน้าเร่งจัดส่งชิ้นส่วนเพิ่มเติม
ทั้งนี้ นอกจาก Apple จะเริ่มต้นประกาศใช้งานฟีเจอร์สเอไอ ได้ล่าช้า ทำให้ต้องแข่งขันกับสมาร์ทโฟนที่ปรับปรุง AI มาหลายขั้นแล้ว อย่าง Samsung Electronics Co. และ Xiaomi Corp. แล้วยังต้องเผชิญหน้ากับปัญหาทางนโยบายในจีน
ทั้งในเรื่องคู่แข่งด้านอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ โดย Huawei Technologies Co. ชนะใจผู้บริโภคในท้องถิ่นด้วยผลิตภัณฑ์ที่ใช้ชิปโปรเซสเซอร์ขั้นสูง 7 นาโนเมตรขั้นสูงที่ผลิตในประเทศจีนเอง กดดันยอดขายของ Apple ในตลาดที่ใหญ่ที่สุดนอกอเมริกาของ Apple จนบลูมเบิร์กเรียกว่า Apple มีครึ่งหลังของปี 2023 ที่ยากลําบาก
ประเทศจีนยังนับว่าเป็นประเทศที่มีคนใช้ไอโฟนมากที่สุด นอกจาก Apple จะต้องรักษารายได้ไว้ท่ามกลางความท้าทายของกระแสสินค้าท้องถิ่นอย่างหัวเว่ยแล้ว ฟีเจอร์สเอไอ จะกลายมาเป็นข้อถกเถียงใหม่และเป็นอุปสรรคต่อการทำตลาดในจีน แม้ว่า Apple และนักวิเคราะห์มองว่า Apple intelligence มีความโดดเด่นด้านความปลอดภัย และความยืดหยุ่นจากความร่วมมือกับ OpenAI และจะกลายเป็นที่ดึงดูดผู้ใช้ในระบบนิเวศแอปเปิล
คำถามต่อมาคือ ทางการจีนจะมีท่าทีอย่างไร ต่อ AI ของ Apple
ดังนั้นความเคลื่อนไหวต่อไปจึงอาจเป็นการหาความร่วมมือกับพันธมิตรด้านเอไอในประเทศจีน เพราะ ChatGPT ของ OpenAI ไม่มีให้บริการในประเทศจีน
แต่กระนั้น ความเคลื่อนไหวของทางการจีนที่เริ่มแบนอุปกรณ์ iPhone ในหลายพื้นที่ และยิ่งไอโฟนนำเอไอมาใส่ในอุปกรณ์ จึงอาจส่อแววลุกลามและกลายเป็นประเด็นเรื่องของความมั่นคงต่อไปหรือไม่ เรื่องนี้ยังต้องจับตาต่อไป