“หัวเว่ย” จัดงาน Huawei Cloud Summit Thailand ตอกย้ำความร่วมมือ “ดีอี” สนับสนุนนโยบาย Cloud First ยันประเด็นการเมือง ไม่กระทบความเชื่อมั่น พร้อมเดินหน้าลงทุนต่อตามแผน หลังทุ่มเม็ดเงินกว่า 5.5 พันล้าน สร้างโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ ตั้งแต่ปี 2561
วันที่ 15 สิงหาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในงาน Huawei Cloud Summit Thailand “นายประเสริฐ จันทรรวงทอง” รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ได้ชี้แจงรายละเอียดและขั้นตอนการทำงานตามนโยบายการใช้คลาวด์เป็นหลัก (Cloud First Policy) และกล่าวถึงความร่วมมือระหว่างกระทรวงดีอีและหัวเว่ย คลาวด์ ในการนำเสนอประโยชน์ของนโยบายการใช้คลาวด์เป็นหลักให้กับประชาชนไทย
“นโยบายการใช้คลาวด์เป็นหลัก ไม่ได้เป็นเพียงโครงการด้านเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังเป็นกลยุทธ์ที่ครอบคลุมหลายด้านเพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านดิจิทัลของประเทศไทย ยกระดับประสิทธิภาพบริการสาธารณะ และสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมในทุกภาคส่วน”
นายประเสริฐกล่าวต่อว่า นโยบายนี้จะเร่งการเปลี่ยนผ่านดิจิทัลของไทย สร้างโอกาสใหม่ในการพัฒนาเศรษฐกิจ และทำให้ประเทศไทยยืนอยู่แถวหน้าของการปฏิวัติดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยความร่วมมือของเรากับหัวเว่ย คลาวด์ ย้ำถึงความมุ่งมั่นของเราในการสร้างระบบนิเวศดิจิทัลที่แข็งแกร่ง ปลอดภัย และเชื่อถือได้
“การลงทุนของหัวเว่ย คลาวด์ ในโครงสร้างพื้นฐานท้องถิ่นและเทคโนโลยีขั้นสูง จะมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนวิสัยทัศน์การใช้คลาวด์เป็นหลัก (Cloud First Vision) ซึ่งจะนำไปใช้ในทุกภาคส่วนของประเทศไทย แม้จะมีความกังวลจากประเด็นทางการเมืองที่เกิดขึ้น แต่การดำเนินงานทุกอย่างตามนโยบายนี้จะดำเนินไปเช่นเดิม”
นางสาวแจ็กเกอลีน สือ (Jacqueline Shi) ประธานฝ่ายการตลาดและบริการจัดจำหน่ายระดับโลก หัวเว่ย คลาวด์ เสริมว่า หัวเว่ยได้เพิ่มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ในประเทศไทย รวมถึงชุดเทคโนโลยีและเครื่องมือที่มีอยู่ในระบบคลาวด์ของประเทศไทย ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
“เรามุ่งมั่นที่จะยกระดับความร่วมมือกับพันธมิตรในประเทศไทย มีการนำเทคโนโลยีและเครื่องมือขั้นสูงเข้ามา เพื่อขยายบริการด้านดิจิทัล โดยตั้งแต่ปี 2561 หัวเว่ยได้ลงทุนกว่า 5.5 พันล้านบาท ในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ และปัจจุบันมีโซนการให้บริการ (Availability Zone) ในไทยอยู่ 3 แห่ง”
ด้านนายเดวิด หลี่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวเว่ย เทคโนโลยี่ ประเทศไทย กล่าวว่า หัวเว่ย คลาวด์ มีความพิเศษที่แตกต่างจากผู้ให้บริการรายอื่น ๆ ด้วยโซนการให้บริการในประเทศไทย ทำให้ลูกค้าทุกคนสามารถจัดเก็บข้อมูลในประเทศไทย และลดระยะเวลาแฝงของเครือข่ายคลาวด์ (Cloud Networking Latency) ทั่วประเทศเหลือ 12 มิลลิวินาที
“หัวเว่ย คลาวด์ ได้นำเทคโนโลยีล่าสุดบนระบบคลาวด์มาสู่ประเทศไทย รวมถึงมี GaussDB โซลูชั่นฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์แบบกระจายระดับองค์กรของหัวเว่ย และ MetaStudio’s Digital Man โมเดลบุคคลดิจิทัล ที่ใช้นวัตกรรมบุคคลเสมือนจริงที่มีการซิงโครไนซ์สูงด้วย”
นอกจากนี้ หัวเว่ย คลาวด์ ยังได้ร่วมมือกับกระทรวงดีอี เพื่อเปิดตัว e-Government Cloud เพื่อเพิ่มการทำงานร่วมกันทางดิจิทัลและคุณภาพการบริการสาธารณะ พร้อมทั้งสนับสนุนการสร้างสมาร์ทซิตี้ (Smart City) แห่งแรกในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) เพื่อปรับปรุงบริการสาธารณะและโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงพัฒนาเหมือง SCG สีเขียวแห่งแรกและโรงงานอัจฉริยะ Matsumoto เพิ่มประสิทธิภาพและความยั่งยืน
ในด้านของการพัฒนาคน ยังมีโครงการอาเซียน อคาเดมี (ประเทศไทย) หรือ ASEAN Academy (Thailand) ก่อตั้งขึ้นในปี 2563 มีการฝึกอบรมบุคลากรมากกว่า 96,200 คน รวมถึงนักพัฒนา ICT นักพัฒนา AI บนคลาวด์ วิศวกรสีเขียว และนักเรียนในชนบท โดยมีการเปิดตัวการแข่งขัน Spark Startup ร่วมกับรัฐบาลและพันธมิตร ดึงดูดสตาร์ตอัพมากกว่า 120 ราย ให้การสนับสนุนด้านเทคนิค ทุน ขยายตลาด และการสนับสนุนการดำเนินงาน
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 14 ส.ค. 2567 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติถอดถอน “นายเศรษฐา ทวีสิน” ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จากการแต่งตั้ง “นายพิชิต ชื่นบาน” เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ส่งผลให้คณะรัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่งไปด้วย ทำให้หลายฝ่ายแสดงความกังวลว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุนของบริษัทต่างชาติหรือไม่
นายเดวิดแสดงความเห็นในประเด็นนี้ว่า ประเทศไทยเป็นตลาดที่สำคัญของหัวเว่ย คลาวด์ และการลงทุนในไทยก็เป็นแผนงานระยะยาว (Long Term Strategy) ที่ต้องทำงานร่วมกับภาครัฐอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น หัวเว่ยก็จะดำเนินงานตามแผนการลงทุนที่วางไว้เช่นเดิม
“เราให้บริการในไทยมากว่า 25 ปี เราไม่หยุดที่จะลงทุนและพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ ในตลาดนี้แน่นอน และที่สำคัญการลงทุนของเราไม่ได้มีแค่การลงทุนในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล แต่ยังมีการลงทุนในเรื่องของทรัพยากรมนุษย์ผ่านโครงการต่าง ๆ ด้วย”