TikTok Shop ผู้ขายไทยทะลุ 2 ล้านคน เร่งเสริมเครื่องมือกระตุ้นยอดขายครึ่งปีหลัง

TikTok

TikTok Shop เผยมีผู้ขายสินค้าบนแพลตฟอร์ม 2.4 ล้านคน จับตาเทศกาล Mega Sale ครึ่งหลังปี 2567 ผู้ใช้ TikTok 89% ช็อปหนักช่วงแคมเปญ Mega Sale

วันที่ 19 สิงหาคม 2567 นางสาวสิรินิธิ์ วิรยศิริ Head of Business Marketing-TikTok Thailand เปิดเผยข้อมูลจาก Kantar ระบุว่านักช็อปไทยถึง 77% ช็อปปิ้งออนไลน์เป็นประจำทุกสัปดาห์ ตอกย้ำให้เห็นว่าพฤติกรรมการช็อปปิ้งได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตของผู้บริโภคไทย

ขณะที่คอนเทนต์คือ “กุญแจสำคัญ” ในการขับเคลื่อนความสำเร็จของการทำตลาด Social Commerce ในภาคธุรกิจ ซึ่งการทำคอนเทนต์ช่วง Mega Sales ควรให้ความสำคัญทั้งในด้านคุณภาพ (Quality) และปริมาณ (Quantity) โดยคุณภาพของคอนเทนต์จะช่วยเพิ่มยอดคลิก ยอด Engage จากผู้ชมมากกว่า 3 เท่า รวมถึงกระตุ้นให้เกิดการดูคอนเทนต์ซ้ำ และเพิ่มปริมาณการแชร์คอนเทนต์

ปัจจุบัน TikTok มีจำนวนผู้ใช้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวม 325 ล้านราย รวมถึงมีภาคธุรกิจกว่า 15 ล้านรายที่ดำเนินธุรกิจบนแพลตฟอร์มของ TikTok

ในประเทศไทย ณ ปัจจุบัน TikTok มีครีเอเตอร์มากกว่า 3 ล้านรายที่สร้างรายได้จาก TikTok และมีผู้ขายมากกว่า 2.4 ล้านคน (99% เป็นผู้ขายในประเทศ)

ทั้งนี้ ช่วงครึ่งปีหลังของปี 2567 นี้จะเป็นโอกาสสำคัญสำหรับแบรนด์ ร้านค้า ผู้ประกอบการ และผู้บริโภค เนื่องจากมีมหกรรมช็อปสินค้าเกิดขึ้นมากมายในแต่ละเดือน ข้อมูลจาก TikTok ในช่วงมหกรรม Mega Sales ปีก่อน (2566) พบว่า 89% ของผู้ใช้ TikTok เลือกช็อปสินค้าในช่วง Mega Sales

ADVERTISMENT

และปีนี้มีแนวโน้มใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 1.7 เท่า ตอกย้ำให้เห็นว่าปรากฏการณ์ Shoppertainment ที่ผสานความบันเทิงกับการช็อปปิ้งอย่างลงตัวได้กลายเป็น Economic Engine ที่ขับเคลื่อนทั้ง Digital Economy และ Creative Economy ของประเทศให้เติบโต

นางสาวสิรินิธิ์กล่าวว่า จากข้อมูลเหล่านี้จะเห็นว่าผู้ค้าขายบนแพลตฟอร์มจำต้องเตรียมพร้อมเครื่องมือสำหรับช่วงแคมเปญการตลาดใหญ่ ซึ่ง TikTok ได้พิสูจน์แล้วว่าการใช้เครื่องมือหลังบ้าน และระบบโฆษณาสามารถสร้างผลตอบแทนดีขึ้น TikTok จึงมุ่งนำเสนอนวัตกรรมและโซลูชั่นที่พร้อมสนับสนุนแบรนด์และธุรกิจไทยให้สามารถสร้างการเติบโต และเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วอยู่ตลอดเวลา

ADVERTISMENT

จากการสำรวจของ TikTok พบว่าพฤติกรรมการช็อปปิ้งของผู้ใช้บนแพลตฟอร์มแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ The Bargain Hunters-นักช็อปผู้ล่าสินค้าราคาถูก, The Inspirational Shoppers-นักช็อปผู้สร้างแรงบันดาลใจ, The Effortless Shoppers-นักช็อปที่เน้นความสะดวก และ The Purposeful Shoppers-นักช็อปที่มีเป้าหมายชัดเจน

ซึ่งหากแบรนด์วางแผนอย่างเข้าใจและเตรียมพร้อมล่วงหน้า ก็จะสามารถวางกลยุทธ์และใช้เครื่องมือต่าง ๆ ของ TikTok เจาะกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

ดังนั้น TikTok ได้นำเสนอกรอบคิดเรื่อง “PACE” เฟรมเวิร์กสำหรับแบรนด์และร้านค้า เพื่อสร้างความได้เปรียบและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำการตลาด ซึ่งประกอบด้วย

P-Persona-แบรนด์และธุรกิจต้องทำความเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย

A-Assortment-ความหลากหลายของสินค้าและการวางกลยุทธ์การส่งเสริมการขายต่าง ๆ ซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่าการสั่งซื้อและยอดขายรวม (GMV)

C-Content-การสร้างแรงบันดาลใจด้วยคอนเทนต์คุณภาพเพื่อนำไปสู่การตัดสินใจซื้อสินค้า

E-Empowerment-เพิ่มประสิทธิภาพของการโปรโมตและยอดขายด้วยเครื่องมือโฆษณาต่าง ๆ แบรนด์และร้านค้าสามารถนำองค์ประกอบเหล่านี้ไปใช้ต่อยอดการรังสรรค์แคมเปญการตลาดได้ในทุกมิติ เตรียมพร้อมเพื่อรับประโยชน์อย่างเต็มที่จากมหกรรม Mega Sales ที่กำลังจะมาถึง” คุณสิรินิธิ์กล่าว

“Holistic Solutions ของ TikTok จะช่วยให้แบรนด์และร้านค้าสามารถกำหนดกลยุทธ์เพื่อใช้โอกาสจากกระแส Shoppertainment ในช่วง Mega Sales ซึ่งประกอบด้วย 3 โซลูชั่นหลัก ได้แก่ Ads Solution, In-App Shop Solution และ Live Commerce Solution ที่จะครอบคลุมกิจกรรมการตลาดใน TikTok ได้อย่างครบวงจร ช่วยให้แบรนด์และร้านค้าสามารถเพิ่มยอดขาย สร้างการรับรู้แบรนด์ และมอบ Seamless Experience ในการทำ Full-Funnel Marketing ได้ตรงตามเป้าหมาย

ไม่ว่าจะเป็นการเริ่มโปรโมต 1 เดือนก่อน Mega Sales, กระตุ้นให้คนดูปักตะกร้าและทำ Retargeting ช่วงแคมเปญเพื่อปิดการขาย, ไปจนถึงการเลือก Top Affiliate Content มาใช้ช่วง After Party ที่เป็นช่วงหลังแคมเปญไปแล้ว โดยดำเนินการร่วมกับเฟรมเวิร์ก PACE ได้อย่างลงตัว” คุณสิรินิธิ์กล่าว