เมื่อเทรนด์ธุรกิจเปลี่ยนผ่าน เปลี่ยนแปลงจากปัจจัยต่าง ๆ แต่ละองค์กรจำเป็นต้องปรับตัวและขยายน่านน้ำธุรกิจให้สอดรับกับโอกาสใหม่ ๆ “ซินเน็ค” (Synnex) หนึ่งในยักษ์ “ดิสทริบิวเตอร์” สินค้าไอทีรายใหญ่ของไทยที่โลดแล่นอยู่ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีมากว่า 36 ปี ก็ถึงคิวขยับครั้งใหญ่ไปสู่อุตสาหกรรมเกมและซอฟต์แวร์ ที่มีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต โดยใช้ประโยชน์จากจุดแข็งในตลาดฮาร์ดแวร์ต่อยอดเป็นธุรกิจใหม่
เส้นทางธุรกิจ 36 ปี
“สุธิดา มงคลสุธี” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซินเน็ค (ประเทศไทย) กล่าวว่า จุดเริ่มต้นของซินเน็คมาจากบริษัทคอมเพ็ค จำหน่ายสินค้าไอทีในกลุ่มอุปกรณ์ต่อพ่วง และระบบสารสนเทศ มีบริษัทแม่ คือ TKS Technology ซึ่งจุดเปลี่ยนที่เป็นเหมือนโอกาสครั้งสำคัญมาจากวิกฤตการณ์ “ต้มยำกุ้ง” ที่บริษัทใหญ่หลายรายล้ม แต่เราเป็นบริษัทเล็ก ๆ ที่ยังสามารถให้บริการได้ จึงสร้างการเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง กระทั่ง Synnex Taiwan ในฐานะดิสทริบิวเตอร์รายใหญ่ของโลก ต้องการขยายตลาดมายังประเทศไทย จึงมองหาพาร์ตเนอร์ในประเทศที่จะทำธุรกิจร่วมกันในลักษณะของ Joint Venture
“เป็นโอกาสที่ทำให้เราได้เรียนรู้การทำงานของบริษัทใหญ่ มีเครือข่ายพาร์ตเนอร์มากขึ้น และสร้างการเติบโตจากกลุ่มสินค้าใหม่ ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง”
ปัจจุบันซินเน็คทำงานร่วมกับแบรนด์พาร์ตเนอร์กว่า 70 แบรนด์ มีดีลเลอร์ทั่วประเทศกว่า 5,700 ราย มีศูนย์บริการมากกว่า 67 แห่ง สิ่งที่ซินเน็คให้ความสำคัญมาตลอด คือ การสร้างความเชื่อมั่นของสินค้าด้วยคำว่า Trusted by SYNNEX และเดินหน้าต่อยอดธุรกิจให้เกิด New Era อยู่เสมอ เช่น เกมและโซลูชั่นต่าง ๆ เป็นต้น
สแกนพอร์ต “ซินเน็ค”
สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรก 2567 บมจ.ซินเน็ค (ประเทศไทย) มีรายได้รวม 19,574 ล้านบาท เติบโต 11% มีกำไรสุทธิ 311 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยหนุนมาจากการเติบโตของธุรกิจกลุ่มสื่อสาร (Communication) และกลยุทธ์เชิงรุกในการขยายพอร์ตสินค้าที่ครอบคลุม และตอบรับกับเทรนด์ AI เช่น กลุ่มสมาร์ทวอตช์ที่มีศักยภาพเติบโตสูง และกลุ่มซอฟต์แวร์ที่มีดีลกับแบรนด์ Autodesk เจ้าของโปรแกรม AutoCAD ซึ่งได้รับความนิยมในสายงานการออกแบบ ในฐานะผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายในไทยแต่เพียงผู้เดียว
ผู้บริหาร “ซินเน็ค (ประเทศไทย)” กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันสินค้าในพอร์ตโฟลิโอของบริษัท มีทั้งหมด 3 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่ม Communication ได้แก่ สมาร์ทโฟนและอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ มีสัดส่วนประมาณ 40% โดยมีสินค้าแอปเปิล (Apple) ครองส่วนแบ่ง 30%, กลุ่ม IT Consumer เช่น โน้ตบุ๊ก พีซี เครื่องพิมพ์ สัดส่วนมากกว่า 30% โดยสินค้ากลุ่มเกมครองส่วนแบ่งราว 13% และที่เหลือเป็นกลุ่ม Commercial มีสินค้าซอฟต์แวร์สำหรับกลุ่มลูกค้าองค์กร
“ช่วงที่ผ่านมา สินค้ากลุ่มมือถือเติบโตมาก คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังที่มีการเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ จะเป็นแรงหนุนที่ทำให้รายได้ของบริษัทปีนี้ถึงเป้าที่ 40,000 ล้านบาท ส่วนการพาร์ตเนอร์กับ Autodesk เป็นการเปิดตลาดซอฟต์แวร์ของเราให้กว้างขึ้น เสริมอีโคซิสเต็มของธุรกิจฮาร์ดแวร์ โดยตั้งเป้าว่าความร่วมมือนี้จะสร้างรายได้ในปี 2567 ให้ซินเน็คได้ 1,500 ล้านบาท”
เปิดกลยุทธ์รุกตลาด “เกม”
“สุธิดา” กล่าวว่า ซินเน็คเริ่มเจาะตลาดเกมมิ่งตั้งแต่ปี 2561 โดยในช่วงนั้นมีการจัดการแข่งขันอีสปอร์ต เพื่อเร่งสร้างการรับรู้ในวงกว้าง จนกระทั่งปี 2566 ได้สิทธิเป็นผู้จำหน่าย Nintendo Switch ในไทยอย่างเป็นทางการเพียงรายเดียว ทำให้ภาพในการทำตลาดเกี่ยวกับเกมชัดเจนขึ้น ช่วยหนุนให้รายได้ในกลุ่มสินค้าเกมมิ่งเติบโต
โดยในปี 2567 ซินเน็คตั้งเป้ารายได้จากการจำหน่ายสินค้าเกมมิ่งไว้ที่ 5,700 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 27% ของมูลค่าตลาดฮาร์ดแวร์เกมมิ่งในประเทศไทย
ขณะเดียวกัน นอกจากเพิ่มสินค้าเรือธงอย่าง Nintendo Switch ที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมากเข้ามาในพอร์ตเพื่อเจาะตลาดเกมมิ่งโดยเฉพาะแล้ว ในปีนี้ ซินเน็คยังเป็น Title Sponsor ของ Thailand Game Show 2024 งานเกมระดับตำนานที่จัดมาแล้วถึง 18 ปีด้วย
“สิ่งที่เห็นได้ชัดเกี่ยวกับพฤติกรรมของคนที่รักการเล่นเกม คือ พร้อมที่จะจับจ่ายเพื่อซื้ออุปกรณ์ที่ดีที่สุดสำหรับตนเอง ซึ่งการตัดสินใจเข้ามาเป็น Title Sponsor ในปีนี้ เราต้องการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับสินค้า Trusted by SYNNEX ในกลุ่มคนเล่นเกมว่าเรามีครบทั้งพีซี สมาร์ทโฟน และคอนโซล”
ดึง AI เป็นผู้ช่วยองค์กร
“สุธิดา” กล่าวต่อว่า สำหรับแผนการลงทุนในปีนี้อยู่ที่ประมาณ 20 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 เรื่องหลัก ๆ ได้แก่ Technology Showcase หรือพื้นที่สำหรับแสดง Use Case การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในด้านต่าง ๆ และการนำ AI มาใช้ในองค์กร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ซึ่งมองไปถึงการเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ในกลุ่มที่มีฟีเจอร์ AI ด้วย
“เมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา เป็นวัน AI Kick off Day ที่เริ่มนำ AI มาใช้ในองค์กรอย่างจริงจัง โดยตัวอย่างของการนำมาใช้ในช่วงนี้จะอยู่ในกลุ่ม HR เช็กจำนวนวันลา/วันหยุด จัดการเอกสารต่าง ๆ มีแชตบอตให้ความรู้พนักงานใหม่ สงสัยอะไรก็สามารถพิมพ์ถามได้ทันที โดยในอนาคตวางแผนที่จะนำ AI มาใช้ในการจัดการข้อมูลจำนวนมหาศาลภายในองค์กร”
ไม่หวั่นเศรษฐกิจ-การเมือง
“สุธิดา” มองว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจยังไม่เป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดหวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “กำลังซื้อ” ของผู้บริโภคที่ยังไม่กลับมาเต็มที่ และพบว่ามีหนี้เสียในหลายอุตสาหกรรม รวมถึงเม็ดเงินจากภาครัฐก็ยังไม่เข้ามาเต็มรูปแบบ แต่สำหรับซินเน็คที่อยู่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ถือเป็นข้อได้เปรียบ เพราะเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงตลอด การเปิดตัวผลิตภัณฑ์หรือโซลูชั่นใหม่ ๆ จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนอุปกรณ์ได้
“การที่ซินเน็คมีแบรนด์พาร์ตเนอร์อยู่ในพอร์ตกว่า 70 แบรนด์ มีสินค้าหลากหลายประเภท ช่วยให้เราบริหารจัดการความเสี่ยงได้ เพราะสินค้าแต่ละประเภทจะมีช่วงที่ตลาดโตตามความต้องการต่างกัน อย่างช่วงนี้สมาร์ทโฟนโต และเกมมิ่งมาเรื่อย ๆ ก็เฉลี่ยกับสินค้าประเภทอื่นได้”
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “ซินเน็ค” ทิ้งท้ายว่า การเปลี่ยนผ่านรัฐบาลชุดใหม่ เป็นปัจจัยที่มีผลต่อการทำธุรกิจอย่างแน่นอน แต่ตนมองว่าไม่ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ภาคเอกชนต้องสร้างความแข็งแรงให้มากที่สุด เพื่อช่วยคู่ค้าและดีลเลอร์ให้อยู่รอดไปด้วยกัน และประเมินต่อว่าความเปลี่ยนแปลงจะนำพามาซึ่งโอกาสอะไรบ้าง