ETDA ออก “คู่มือดูแลโฆษณาบนแพลตฟอร์มดิจิทัล” หวังลดความเสียหายจากการหลอกลวง พร้อมชูกลไก “Screening” และ “Monitoring” หยุดวงจรโฆษณาลวงตั้งแต่ต้นทาง
วันที่ 27 สิงหาคม 2567 การถูกหลอกลวงจาก “โฆษณาออนไลน์” ที่ปรากฏอยู่บนแพลตฟอร์มดิจิทัลต่าง ๆ ยังคงเป็นปัญหาที่ผู้คนทั่วโลกกำลังเผชิญ เห็นได้จากรายงานของสำนักงานคณะกรรมการการค้าแห่งสหรัฐอเมริกา (Fedral Trade Commission) ปี 2565 ที่พบการร้องเรียนจากประชาชนทั่วสหรัฐอเมริกาว่า ถูกหลอกลวงจากช่องทางออนไลน์ความเสียหายรวมกว่า 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยต้นตอของการหลอกลวงมาจากช่องทางสื่อโซเชียลมีเดีย
และในปี 2566 ก็พบว่าน่าจะมีความเสียหายที่เกิดขึ้นจากโฆษณาทางออนไลน์หรือ Bad Ads ถึง 100 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยร้อยละ 36 ของการกดคลิกโฆษณาคาดว่าจะเป็นโฆษณาหลอกลวง ส่วนใหญ่เกิดจากเว็บบอต
ส่วนสถานการณ์ในประเทศไทยยังคงน่าเป็นห่วงไม่น้อย แม้รายงานจากศูนย์ช่วยเหลือและจัดการปัญหาออนไลน์ หรือสายด่วน 1212 ของ ETDA จะระบุว่า ตัวเลขสถิติการร้องเรียนปัญหาออนไลน์ในช่วงเดือนมกราคม-พฤษภาคม 2567 ลดลงถึงร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 แต่ปัญหาจากโฆษณาลวงและผิดกฎหมายยังคงเป็นประเด็นหลักที่คนไทยร้องเรียนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นโฆษณาขายสินค้าที่ไม่ตรงตามจริง สินค้าที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย โฆษณาเว็บไซต์การพนัน โฆษณาชวนลงทุนหลอกลวง หรือแม้แต่โฆษณาหลอกลวงจ้างงานออนไลน์
สอดคล้องกับผลการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ในช่วงวันที่ 1-30 มิถุนายน 2567 ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ที่ปิดเว็บพนันไปแล้วถึง 5,771 รายการ เพิ่มขึ้นถึง 20.9 เท่า เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2566 ที่มีเพียง 276 รายการ เช่นเดียวกับการดำเนินงานของกองป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่ปิดกั้นคอนเทนต์โฆษณาที่เข้าข่ายหลอกลวงประชาชนบนแพลตฟอร์มดิจิทัลไปแล้วกว่า 23,248 รายการ (ตุลาคม 2566-กุมภาพันธ์ 2567)
นอกจากการปราบปรามของภาครัฐ ที่ต้องเกิดควบคู่ไปกับการเพิ่มทักษะการรู้เท่าทันของผู้ใช้งานแล้ว แพลตฟอร์มดิจิทัลในฐานะด่านแรกของการป้องกันก็ต้องยกระดับมาตรการตรวจสอบและควบคุมเนื้อหาโฆษณาออนไลน์ที่ไม่เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้น สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) ในฐานะหน่วยงานที่ส่งเสริมให้คนไทยมีความเชื่อมั่นในการทำธุรกรรมทางออนไลน์อย่างปลอดภัย ผ่านบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่น่าเชื่อถือ ภายใต้กฎหมาย Digital Platform Services (กฎหมาย DPS) จึงออกประกาศ สพธอ. เรื่อง “คู่มือการดูแลโฆษณาบนบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล” เพื่อกำหนดการดูแลโฆษณาบนบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล และเป็นแนวทางในการตรวจสอบและควบคุมเนื้อหาโฆษณาที่เผยแพร่บนแพลตฟอร์ม พร้อมสนับสนุนการป้องกันปัญหาโฆษณาลวงและผิดกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นด้วย 2 กลไกสำคัญ ได้แก่
1.Screening : การตรวจสอบก่อนที่โฆษณาจะเผยแพร่ออกไป
คู่มือดังกล่าวได้กำหนดแนวทางการปฏิบัติสำหรับแพลตฟอร์มดิจิทัล ไว้ 2 ส่วนใหญ่ ๆ ได้แก่
1) การตรวจสอบและเก็บข้อมูลของผู้กระทำการโฆษณา ประกอบด้วยแพลตฟอร์มดิจิทัลจะต้องจัดให้มีกระบวนการในการตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับผู้กระทำการโฆษณาและการเก็บข้อมูล โดยกำหนดขั้นตอน วิธีการ และข้อมูลที่ใช้ประกอบการสมัครเป็นผู้ทำโฆษณา รวมถึงต้องมีการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทั้งในกระบวนการลงทะเบียนและการทำโฆษณาของผู้ทำโฆษณา ด้วยระบบ Digital ID ผ่านระบบของผู้ให้บริการหรือ IdP เช่น แอปพลิเคชั่น ThaID ของกรมการปกครองหรือ IdP อื่น ๆ ที่รองรับระดับความน่าเชื่อถือของการพิสูจน์ตัวตนที่ระดับ IAL2 (มีการแสดงหลักฐานแสดงตน และตรวจสอบหลักฐานแสดงตน) เป็นอย่างน้อย
หรือหากไม่มีระบบรองรับก็จะต้องมีการตรวจสอบข้อมูลอย่างน้อย ได้แก่ ชื่อ-สกุล หรือชื่อนิติบุคคลของผู้ทำการโฆษณา หรือเป็นผู้ชำระค่าบริการสำหรับการลงโฆษณา เลขประจำตัวประชาชน เลขที่หนังสือเดินทาง (Passport) มีช่องทางการติดต่อที่ชัดเจน และต้องมีการเก็บข้อมูลของผู้ที่ทำการโฆษณา รวมถึงจัดทำทะเบียนประวัติสำหรับการตรวจสอบโฆษณาที่พึงระวัง (Watchlist) การทำความผิดตามกฎหมายหรือข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล (Blacklist) และผู้ทำการโฆษณาที่น่าเชื่อถือ (Whitelist)
2) การตรวจสอบโฆษณาก่อนเผยแพร่ (Screening) ต้องกำหนดลักษณะของโฆษณาที่ต้องห้าม หรือเผยแพร่ได้แบบมีข้อจำกัด และกำหนดลักษณะของโฆษณาที่ต้องขออนุญาตก่อน เช่น การลงทุน การให้สินเชื่อ รวมถึงกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อให้ผู้ทำการโฆษณาหลีกเลี่ยงการใช้ข้อมูลอ่อนไหวในการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย เช่น เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็น ทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนา ฯลฯ ทั้งยังต้องจัดเก็บข้อมูล และแบ่งประเภทของโฆษณาอย่างชัดเจนพร้อมจัดให้มีช่องทางเพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถตรวจสอบข้อมูลโฆษณาและผู้ทำโฆษณาได้
2.Monitoring : การตรวจสอบหลังเผยแพร่โฆษณา
ส่วนนี้จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ 1) ตรวจสอบคุณภาพของผู้ทำโฆษณา ด้วยการตรวจสอบบัญชีของผู้ทำโฆษณา โดยอาจพิจารณาข้อมูล เช่น จำนวนและประเภทการแจ้งรายงาน (Report/Flagging) การปฏิบัติตามข้อตกลงและเงื่อนไขการให้บริการ นโยบาย หรือมาตรฐานการให้บริการ
2) ตรวจสอบโฆษณาที่มีการเผยแพร่บนแพลตฟอร์มดิจิทัล ทั้งด้วยระบบอัตโนมัติ หรือเจ้าหน้าที่ ตามความสำคัญของการตรวจสอบประเภทของโฆษณา ที่ต้องใช้เจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบนอกเหนือจากการใช้ระบบ
และ 3) ต้องจัดให้มีช่องทางที่ผู้ใช้บริการสามารถแจ้งรายงานโฆษณาที่เข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่เหมาะสมได้ เช่น การแอบอ้างรูปภาพ วิดีโอ ข้อความของบุคคลหรือกิจการอื่น การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา การใช้ข้อความที่มีลักษณะลามก อนาจาร หรือขัดต่อศีลธรรมอันดี การชักชวนให้ลงทุนหรือระดมทุนโดยผิดกฎหมาย หรือสิ่งอื่นพร้อมทั้งตรวจสอบ และแจ้งผลให้ผู้ใช้บริการทราบโดยไม่ชักช้า
ทั้งนี้ ETDA ยังระบุถึงประโยชน์ที่แต่ละฝ่ายจะได้รับจากคู่มือการดูแลโฆษณาบนบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล ไว้ดังนี้
1.ผู้ใช้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล
โอกาสที่จะเจอกับโฆษณาลวง ผิดกฎหมาย หรือไม่เหมาะสม เวลาที่ดูหนัง ซื้อของ หรือช็อปปิ้งบนแพลตฟอร์มดิจิทัล จะน้อยลงหรืออาจไม่เจอเลย หมายความว่าการทำธุรกรรมออนไลน์ที่อาจเสี่ยงต่อการตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพที่แฝงมากับโฆษณาออนไลน์ก็น่าจะลดลง ที่สำคัญยังมีช่องทางเพื่อกดรายงานโฆษณาที่น่าสงสัย หรือไม่เหมาะสมผ่านช่องทางที่แพลตฟอร์มจัดเตรียมไว้ให้ สร้างความปลอดภัยและความเชื่อมั่นในการใช้บริการแพลตฟอล์มได้มากขึ้น
2.ผู้ประกอบการ ทั้งผู้ขายสินค้าและบริการที่เป็นเจ้าของโฆษณาตัวจริง
นอกจากจะได้รับความชัดเจนในเรื่องของกฎระเบียบและแนวทางในการเผยแพร่โฆษณา การทำโฆษณาที่สอดคล้องกับมาตรฐานที่กำหนดในคู่มือได้อย่างชัดเจนแล้ว ยังจะช่วยให้เจ้าของสินค้าหรือบริการ ที่ใช้โฆษณาสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และผู้บริโภคเกิดความเชื่อมั่นมากขึ้น
และการปฏิบัติตามคู่มือของผู้ทำโฆษณา อย่างการยืนยันตัวตน ทั้งก่อนและหลังโฆษณายังช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกสวมรอยจากเหล่ามิจฉาชีพ ที่ฉวยโอกาสอ้างว่าเป็นเจ้าของแบรนด์ แล้วทำโฆษณาออนไลน์หลอกลวงลูกค้า จนสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ กระทบต่อแบรนด์ของผู้ประกอบการอีกด้วย
3.แพลตฟอร์มดิจิทัล
นอกจากมีแนวทางที่ชัดเจนในการตรวจสอบและควบคุมโฆษณาออนไลน์ที่เผยแพร่บนแพลตฟอร์ม ยังช่วยลดความเสี่ยงที่แพลตฟอร์มอาจเผชิญ เช่น การถูกฟ้องร้องจากการปล่อยให้มีโฆษณาผิดกฎหมายหรือหลอกลวง ที่สำคัญช่วยสนับสนุนให้อีโคซิสเต็มของผู้ใช้บริการแพลตฟอร์มมีคุณภาพ ลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นพร้อมยกระดับบริการ และเสริมภาพลักษณ์ในฐานะแพลตฟอร์มที่มีมาตรฐานในการให้บริการที่ปลอดภัย น่าเชื่อถือ ด้วยกลไกของการกำกับดูแลตนเอง
4.กลุ่มหน่วยงานรัฐ และเอกชน
นอกจากจะไม่เสี่ยงต่อการถูกสวมรอย อ้างว่าเป็นหน่วยงานต่าง ๆ จากเหล่ามิจฉาชีพแล้ว หากเกิดผลกระทบจากโฆษณาลวงยังสามารถติดตาม ตรวจสอบโฆษณาลวงจากแพลตฟอร์มได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น