พลิกแนวคิด ESG+E สู่รายได้และกำไรฉบับ “ไปรษณีย์ไทย”

ESG
ดนันท์ สุภัทรพันธ์

2-3 ปีมานี้ แนวคิดเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจด้วยความตระหนักเรื่อง E (สิ่งแวดล้อม) S (สังคม) และหลักธรรมาภิบาล หรือ G เป็นสิ่งที่บรรดาองค์กรธุรกิจต่าง ๆ ให้ความสำคัญ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) ก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่นำ ESG มาใช้เป็นกรอบแนวคิดเพื่อสร้างอิมแพ็กต์ให้กับระบบเศรษฐกิจไทย (E : Economic)

ในโอกาสครบรอบ 141 ปี ไปรษณีย์ไทย “ดนันท์ สุภัทรพันธ์” กรรมการผู้จัดการใหญ่ ปณท กล่าวว่า ปณท เป็นบริษัทโลจิสติกส์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนมหาศาลสู่โลก จึงต้องปรับตัวแสวงหาการจัดการระบบขนส่งใหม่เพื่อลดต้นทุน และพยายามบรรลุเป้าหมายการปล่อย “คาร์บอน” เป็นศูนย์ ทั้งส่งเสริมการจ้างงานในชุมชน ที่สุดท้ายแล้วมีรายได้กลับมาที่องค์กร รวมถึงยกระดับคุณภาพบริการลูกค้า ทำให้ดึงลูกค้ากลับสู่ระบบได้กว่าล้านคน

ลดคาร์บอน-ลดต้นทุน

ในเรื่องสิ่งแวดล้อม (E) ชัดเจนว่า ปณท มีเป้าหมายการปลดปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ ภายในปี 2593 และจะเป็นกลางทางคาร์บอนได้ในปี 2573 ซึ่งระบบ “ฟลีต” ขนส่งพัสดุ พึ่งพารถยนต์เป็นหลัก ขณะที่เทคโนโลยี “อีวี” ยังไม่สามารถทดแทนรถขนส่งขนาดใหญ่ได้ ดังนั้น โจทย์สำคัญของ ปณท จึงเป็นการปรับปรุงระบบบริหารจัดการฟลีต เพื่อลดความซ้ำซ้อนของสายการขนส่ง โดยปัจจุบันลดระยะทางในการเดินรถได้วันละ 1 แสนกิโลเมตร ในขณะที่จำนวนการจัดส่งมากขึ้น แต่เวลาลดลง เทียบเป็นการลดต้นทุนขนส่งลง 18% ทั้งปรับปรุงบริการสู่ดิจิทัล ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเทียบเท่า 400 ตันคาร์บอน

“การลดต้นทุนระยะทางลงได้ เป็นกุญแจนำ ผลประกอบการ ปณท สู่แดนบวกฟื้นตัว เริ่มมีกำไรใน 2 ปีมานี้ มีการเพิ่มฟลีตที่ Last Mile เป็นรถสองล้ออีวีอีก 250 คัน และมีเป้าหมายเปลี่ยนเป็นยานยนต์ไฟฟ้าให้ได้ 85% ในปี 2573 และครบ 100% ในปี 2583 ทั้งยังอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการนำพลังงานไฮโดรเจนมาใช้”

อีกโครงการที่ทำอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563 คือ ส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน ด้วยการรับวัสดุที่รีไซเคิลส่งกลับไปยังจุดรีไซเคิล หรือนำไปใช้ใหม่ เช่น โครงการ ReBox และ Rebag รวบรวบกล่องและถุงที่ใช้แล้วจากบ้านเรือนรวมไว้ที่ศูนย์ไปรษณีย์ แล้วส่งเข้าโรงงานรีไซเคิลหรือแปรรูป แล้ว ปณท ส่งต่อให้ผู้ต้องการใช้ประโยชน์ รวมเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลกว่า 600 ตัน เท่าการลดก๊าซเรือนกระจกกว่า 3,500 ตันคาร์บอน

“เราได้เรียนรู้ว่าการส่งของจากจุดหนึ่งไปจุดหนึ่งแล้วรับกลับมาเพื่อสร้างสิ่งใหม่ ๆ คือ กระบวนการ Reverse Logistics ที่มีคุณค่าอย่างมากในอนาคต”

ADVERTISMENT

จ้างงานชุมชนเครือข่ายเข้มแข็ง

สำหรับด้านสังคมเกิดจากความต้องการแก้ปัญหาจำนวนชิ้นงาน และจุดรับ รวมถึงพัฒนาบุรุษไปรษณีย์ 25,000 คน ซึ่งการส่งเสริมและขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้กลุ่มเกษตร กลุ่ม SMEs และกลุ่มเปราะบางทางสังคม ทำให้ ปณท มีชิ้นงานเกิดขึ้นในระบบ มีทราฟฟิกในการจัดส่งของตน ลดการพึ่งพาแพลตฟอร์ม

โดย ThailandPostMart ถือเป็นช่องทางออนไลน์สำคัญ ที่นอกจากเพิ่มงานให้ ปณท ยังสร้างรายได้จากการขายสินค้าผ่านช่องทางไปรษณีย์ไทยทั้งแบบออฟไลน์ และออนไลน์ กว่า 600 ล้านบาท/ปี ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา สนับสนุนเกษตรกรไทยขนส่งผลไม้ และพืชผลทางการเกษตร กระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นต่อเนื่องกว่า 100,000 ตัน โดยในครึ่งปีแรกปี 2567 มีปริมาณการฝากส่งผลไม้ไทยยอดนิยมผ่าน EMS ส่งด่วนทั่วไทย กว่า 18 ล้านกิโลกรัม

ADVERTISMENT

“โครงข่ายไปรษณีย์ที่เข้มแข็งมาจากการที่เราต้องสนับสนุนเส้นทางเพื่อให้ทุกพื้นที่เข้าถึงระบบขนส่ง และการไปรษณีย์เป็นบริการเชิงสังคมที่ต้องสนับสนุนปีละเกือบ 2 พันล้านบาท ในทางกลับกันทำให้เรามีจุดรับ หรือ Access Point เพื่อเข้าถึงบริการไปรษณีย์ทั่วประเทศกว่า 50,000 จุด นอกจากเพิ่มโอกาสให้เข้าถึงลูกค้าแล้ว ยังลดต้นทุนด้วยการตั้ง ไปรษณีย์อนุญาต ในพื้นที่ห่างไกลสามารถจ้างคนในชุมชนให้รับพัสดุ รับจดหมายแทนได้ ผ่านไปรษณีย์อนุญาตในชุมชนไปแล้ว 741 ล้านบาทต่อปี”

ในส่วนของบุคลากรที่สำคัญคือ ฝ่ายนำส่ง มีการฝึกทักษะ บุรุษไปรษณีย์ สู่สุภาพบุรุษไปรษณีย์ ให้ทำงานที่มีมูลค่าเพิ่ม

ไม่ว่าจะเป็นขายสินค้าเฮาส์แบรนด์ ทำงานเซอร์เวย์ และไปบริการตามที่ลูกค้าต้องการ ภายใต้คอนเซ็ปต์ Human Touch ธุรกิจใหม่ของ ปณท เพิ่มรายได้ให้บุรุษไปรษณีย์ที่ทำงานพิเศษได้ 2.2 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา

เปิดข้อมูลดึงลูกค้ากลับสู่ระบบ

“ดนันท์” กล่าวต่อว่า ปณท ให้ความสำคัญกับการรักษา ปกป้อง และใช้ข้อมูลอย่างมีธรรมาภิบาล พร้อมกับเน้นการสร้างรายได้จากนวัตกรรม และธุรกิจใหม่ สนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนและพัฒนาธุรกิจเพื่อสนับสนุนการดำรงชีวิตในสังคมยุคดิจิทัล

“ความแข็งแกร่งเรื่องความปลอดภัย นำมาซึ่งความเชื่อมั่นในการรักษาข้อมูล และนวัตกรรมที่จะใช้ประโยชน์จากโครงข่าย จะเปลี่ยน ปณท ไปสู่ Information Logistics ซึ่งจะเป็น New S-Curve ใหม่ การเปิดกว้างและการบริหารจัดการด้านข้อมูลที่ดี ทำให้เราโฟกัสการบริการลูกค้าได้ดีขึ้น การเปิดระบบ CRM ดึงลูกค้ากลับมาได้กว่า 1 ล้านราย คิดเป็นรายได้ที่กลับคืนมา 300 ล้านบาท”

การดำเนินงานภายใต้กรอบแนวคิด ESG สุดท้ายจะย้อนกลับมาที่ธุรกิจ ทั้งในส่วนการลดต้นทุน และรายได้ของระบบขนส่ง จะมีผลกับระบบเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นการค้าพืชผล หรือสินค้า SMEs รวมถึงการจ้างงานในชุมชน ยกระดับรายได้พนักงาน ขณะที่การพัฒนาด้านข้อมูลทำให้มีนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่จะเป็นอนาคตของ ปณท ในอีก 100 ปี

ฉายภาพยุคใหม่ ปณท

“วันนี้ ปณท มีอายุครบ 141 ปี คำถามสำคัญคือ จะทำอย่างไรให้คงอยู่ไปอีกร้อยปี” จุดแข็งของ ปณท คือ โครงข่าย และเป็นรายเดียวในตลาดที่ยังต้องส่งข้อมูลสำคัญ หรือ “จดหมาย” สู่ประชาชน แต่เมื่อเข้าสู่ยุคดิจิทัล การสื่อสารเปลี่ยนไป ทำอย่างไรจะมีความสำคัญในระบบการสื่อสารสมัยใหม่ จึงต้องเปลี่ยนไปสู่ Information Logistics ที่มีบริการ Prompt Post บริหารจัดการเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ครบวงจร ตอบโจทย์ความต้องการยุคดิจิทัล”

มี 4 บริการ คือ Trust Service การรับรองและลงลายมือชื่อบนเอกสารดิจิทัลด้วยใบรับรองดิจิทัลและกุญแจส่วนบุคคล Digital Postbox การจัดเก็บเอกสารสำคัญได้รวดเร็ว และน่าเชื่อถือ เป็น One Stop Service สนับสนุนการให้บริการภาครัฐ และเอกชนผ่านช่องทางดิจิทัล เพิ่มความสะดวกรวดเร็ว

Prompt Pass บริการจัดเก็บเอกสารสำคัญส่วนบุคคล เพื่ออำนวยความสะดวกในการส่งข้อมูลระหว่างประชาชนกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน และบริการ Postman Cloud ใช้ความเชี่ยวชาญของบุรุษไปรษณีย์กว่า 25,000 คนทั่วประเทศ ให้บริการในรูปแบบ Postman as a Service เช่น Survey บริการเก็บข้อมูล และสำรวจทรัพย์ Express บริการรับ-ส่ง สิ่งของ แบบ Point to Point ตามความต้องการของลูกค้า/พันธมิตร และ Matching บริการเชื่อมโยง Demand และ Supply อีกหนึ่งบริการสำคัญ คือ D/ID (ดีไอดี) เป็น Digital Post ID ส่วนบุคคล ในรูปแบบการจ่าหน้าแบบใช้รหัส ช่วยปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลระหว่างการจัดส่งสิ่งของ บอกพิกัดแนวดิ่งได้ ทำให้ระบุปลายทางโดยอัตโนมัติ

นอกจากธุรกิจใหม่ที่พร้อมเดินหน้า กลุ่มธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ซึ่งเป็นรายได้หลัก ยังเน้นการรักษากลุ่มลูกค้าเดิมและมองหาลูกค้าใหม่ รวมทั้งการเข้าไปเป็นผู้ขนส่งให้แพลตฟอร์มต่าง ๆ ทั้ง Tiktok, Shopee, Lazada

สำหรับบริการเติบโตโดดเด่นที่สุด คือ บริการส่งด่วน EMS ในประเทศ มีปริมาณฝากส่งเพิ่มขึ้นจากปี 2566 ถึง 12.92% จากแรงบวกของการค้าออนไลน์ ค้าปลีก และความน่าเชื่อถือของบริการที่รวดเร็ว ปลอดภัย ตอบสนองรูปแบบการส่งได้หลากหลาย

ทั้งเติบโตด้านเครือข่ายจุดให้บริการที่มีถึง 50,000 แห่งทั่วประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงการเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญของภาคเศรษฐกิจ สังคม และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ