
สิงห์ภูธร Advice ค้าปลีกไอทีรายใหญ่ของประเทศขยับใหญ่อีกครั้ง ด้วยการเปิดตัว Advice iStore แห่งแรก กลางเมืองพิจิตร ซึ่งก็อย่างที่รู้กันว่า ขึ้นชื่อว่า iStore แล้ว ผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่ายจะมีราคาค่อนข้าสูง ส่วนใหญ่จึงมักจะเปิดอยู่ในห้างกลางเมืองใหญ่มากกว่า แต่ Advice กลับวางยุทธศาสตร์เปิดแห่งแรกที่เมืองรอง แวดล้อมด้วยเมืองใหญ่รอบข้าง ไม่ว่าจะพิษณุโลก หรือนครสวรรค์
ทำไม Advice ไม่ไปเมืองใหญ่ ๆ ที่ทั้งขนาดเศรษฐกิจ, จำนวนผู้คน, การคมนาคม น่าจะเหนือกว่า แต่กลับเลือก “พิจิตร” ทั้งยังมีเป้าหมายที่จะขยายสาขา Stand Alone สำหรับผลิตภัณฑ์ไอทีมูลค่าสูงเช่นนี้ในอีก 9 เมืองรองภายในปี 2567 ด้วย
“ประชาชาติธุรกิจ” มีโอกาสพูดคุยกับ “ณัฏฐ์ ณัฐนิธิการัชต์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แอดไวซ์ ไอที อินฟินิท (Advice) เกี่ยวกับวิธีคิดดังกล่าว แผนการดำเนินงาน และการรักษาจุดแข็งในความเป็น Top of Mind ของคนภูธร
ทำไมต้องไป “เมืองรอง”
“ณัฏฐ์” กล่าวว่า สาขาที่อยู่ในต่างจังหวัดอย่างแรกจะต้องมีที่จอดรถ เพราะการเดินทางเป็นสิ่งสำคัญของคนต่างจังหวัด ซึ่งการที่แอดไวซ์มีสาขาใกล้ห้างพบว่าผลตอบรับดีกว่าร้านบนห้าง เนื่องจากผู้บริโภคไม่อยากวนหาที่จอดรถ ทำให้ร้านแอดไวซ์กระจายไปอยู่ตามท้องถิ่นตามอำเภอได้ ซึ่งจากประสบการณ์ที่ผ่านมาเห็นแล้วว่าในท้องถิ่นต่าง ๆ มีกำลังซื้อ ถ้าไม่ต้องเดินทางไกลเพื่อเข้าเมืองก็จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการได้
เป็นที่มาของแนวคิดในการเป็น “เพื่อนรู้ใจใกล้บ้าน” นำอุปกรณ์เทคโนโลยีจากส่วนกลางขยายเข้าไปใกล้ตัวเขาซึ่งการขยายสาขาไปเมืองรองทำให้คนท้องถิ่นได้ประโยชน์ที่ได้เข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ ๆ อุปกรณ์ใหม่ ๆ ได้ง่าย ไม่ต้องไปไกล ช่วยประหยัดค่าเดินทางด้วย
อย่างกรณีที่พิจิตร หากจะซื้อสินค้าแอปเปิลก็ต้องเข้าไปที่ตัวเมืองพิษณุโลก หรือไม่ก็นครสวรรค์ ที่นั่นมีร้านค้าปลีกหลายรายแข่งกันเปิด แต่ถ้ามาตั้งร้านที่นี่ ก็จะได้ลูกค้าทั้งในเมืองพิจิตร และรอบข้างด้วย

“ส่วนตัวผมก็เกิดที่ต่างจังหวัดเมืองรอง ผมมองพื้นที่ต่างจังหวัดว่ามีดีมานด์ และคู่แข่งน้อยลง ฉะนั้นการลงไปที่เมืองรองคือ 1.ไปขยายโอกาสให้ประชาชน ให้ลูกค้าตรงนั้นเข้าถึง พอขยายไปแล้วถ้าดีมานด์เพิ่มได้ ก็วิน-วิน ทั้งเรา และแบรนด์ อำนาจต่อรองเราก็เพิ่มขึ้น ถือว่าผมช่วยแบรนด์ให้เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น”
ทั้งยังย้ำให้เห็นด้วยว่า “หากเมืองรองเรายังเปิดแล้วรอดได้ เมืองอื่นก็ไม่ยากแล้ว”
ปูพรม Advice iStore ทั่วประเทศ
“แม่ทัพ Advice” กล่าวต่อว่า บริษัทยังคงยึดจุดแข็งของการมีสาขาต่างจังหวัด ดังนั้นแผนการขยายสาขาจะมีการเสริมสาขาบนห้างเพียงบางส่วน เติมเท่าที่จำเป็น แต่ไม่เยอะเท่าการขยายสาขา Stand Alone โดยจะขยายพื้นที่ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น มีที่จอดรถ เหมือนที่พิจิตร ที่ย้ายจากตึกแถว 2 คูหา มาเป็น 6 คูหา แล้วอัพเกรด เป็น Advice iStore
ปัจจุบันสาขาของแอดไวซ์ที่เป็นเจ้าของเอง ไม่ใช่แฟรนไชส์ มี 3 รูปแบบ แบบแรก คือ สาขาบนห้าง 38 แห่ง แบบที่สอง คือ ร้านค้าที่ไม่ได้อยู่บนห้างขายสินค้าไอที ทั้งหมด 73 สาขา และ แบบที่สาม แบบที่มี Advice iStore เปิดคู่ข้าง ๆ เช่นที่พิจิตร และภายในปีนี้จะเปิดเพิ่มอีก 8-9 แห่ง
และในปี 2568-2569 วางแผนไว้ว่าจะมีสาขาแบบที่พิจิตรครบ 70 สาขาครอบคลุมทั่วประเทศ ส่วนสาขาในลาวมีพาร์ตเนอร์ นำแฟรนไชส์ไปเปิดเมื่อสองปีก่อน แต่ไม่ค่อยดีนัก เพราะปัญหาเรื่องค่าเงิน และภาวะเศรษฐกิจ
เพิ่มโฟกัสเว็บตัวเอง
สำหรับช่องทางการขายสินค้าผ่านออนไลน์ในภาพรวมไม่โตมาก ไตรมาสแรกปีนี้โต 1% และในไตรมาส 2 ติดลบ
แต่โดยรวมครึ่งปีแรกบวก 1% เชื่อว่าไม่โต เพราะลดการขายผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เนื่องจากค่าธรรมเนียมสูงมาก จึงจะหันไปโฟกัสการเติบโตที่เว็บไซต์ของเราเอง
“ผมให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ เพราะต้นทุนออนไลน์ต่ำกว่าสาขา พฤติกรรมลูกค้าก็เปลี่ยนแล้ว แต่ส่วนใหญ่ 60% ของยอดขายบนเว็บไซต์ยังเป็นกลุ่มคนในกรุงเทพฯ ถามว่าการไม่พึ่งพาแพลตฟอร์มอีมาร์เก็ตเพลซ กระทบการทำโปรโมชั่นไหม ของเขาเดือนหนึ่งมี 3 รอบ ทั้งช่วงดับเบิลเดต มิดมันท์ และเพย์เดย์ กินช่วงเวลาทั้งเดือนราว 10 วัน เราสู้ไม่ได้แน่นอน แต่มีช่องว่าง 20 วัน อันนี้ดีลเราจะต้องดีกว่า”
นอกจากนี้ แอดไวซ์ยังมี Samsung Galaxy Campus Store ที่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาตลาดยังไม่ได้ลุยเต็มที่ เนื่องจากนโยบายทางการเงินของ Samsung Finance ผู้ใช้บริการต้องมีอายุ 20 ปีขึ้นไป แต่บริษัทไปเปิดร้านในแคมปัสเจาะกลุ่มนักเรียนนักศึกษา ซึ่งอายุยังไม่ถึง 20 ปี จึงกำลังหารือว่าจะทำอย่างไรถึงจะเข้าถึงคนอายุ 18 ปีได้
“เรายังต้องดูความหลากหลายของสินค้า Samsung ที่จะออกมาด้วย จากข้อมูลยอดขายเห็นว่าสินค้าประเภท Tablet ของ Samsung มีคนสนใจอยู่มาก”
มือถือโตดี-พีซียังแย่
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Advice กล่าวถึงสถานการณ์ตลาดสินค้าไอทีครึ่งปีแรกว่า ในภาพรวมอุปกรณ์ประเภทมือถือยังโดดเด่น สำหรับบริษัทรายได้ในกลุ่มนี้ยังโตราว 10%
ขณะที่กลุ่มพีซีทรง ๆ ส่วนกลุ่มสินค้าประเภทคอมฯประกอบ หรือดีไอวายติดลบ 3%
“กำลังซื้อในไตรมาส 3-4 จะกลับมาจากรอบการเปลี่ยนเครื่อง และ AI Device ที่ต้องอัพเกรดอุปกรณ์ ส่วนนโยบายอัดฉีดเงินไม่ได้ส่งผลกับตลาดไอทีโดยตรง แต่ถ้าไปส่งผลกับเศรษฐกิจในภาพรวมอื่นก็อาจหมุนกลับมาที่เราทางอ้อม กำลังซื้อสินค้าไอทีตอนนี้น่าจะได้ผลบวกมาจากเครื่องมือทางการเงิน เช่น ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง หรือการใช้บัตรประชาชนใบเดียวก็ผ่อนได้ ไม่ใช่เพราะเศรษฐกิจ”
อีกเรื่องที่กระทบการตัดสินใจ “เปลี่ยนเครื่อง” คือ เรื่องเทคโนโลยีใหม่ เช่น AI PC และความล่าช้าของ Windows 12 ที่อาจลากยาวไปถึงปีหน้า มีผลกับการตัดสินใจเปลี่ยนเครื่องไปใช้เครื่องที่เป็น AI เพราะหลายคนเกรงว่าจะเหมือนตอน Windows XP เปลี่ยนไปเป็น Vista ผลคือ ต้องดาวน์เกรดเครื่องมาใช้ XP เหมือนเดิม
รุกธุรกิจโซลาร์เซลล์
นอกจากนี้ บริษัทยังกำลังเตรียมแผนปฏิบัติการ สำหรับการขายและติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ โดยมุ่งเจาะกลุ่มเกษตร บ้านเรือนในต่างจังหวัด ซึ่งมีกระบวนการทดสอบ และวัดว่าพื้นที่พร้อมติดตั้งหรือไม่ โดยใช้อินเวอร์เตอร์จากเวนเดอร์รายใหญ่มาติดตั้ง
“เรามีคน มี Know How พร้อมอยู่แล้ว และต้องทำงานภาคสนามอยู่แล้วจากสาขาของเรา จึงจะเริ่มโปรโมตโซลาร์เซลล์ในเดือน พ.ย.ปีนี้ แต่หลัก ๆ จะเน้นไปที่การ Educate ตลาด เราจะเข้าไปช่วยวัดประเมินความคุ้มค่าจากการติดตั้งแผง และให้คำปรึกษา โดยอาจมีโมเดลใหม่ ๆ เช่น ติดตั้งฟรี แล้วนำค่าไฟที่ลดได้มาทยอยจ่ายคืน เป็นต้น เราเน้นให้คำปรึกษา ถ้าติดแล้วไม่คุ้มก็ต้องบอกว่าไม่คุ้ม เพราะการติดโซลาร์เซลล์กว่าจะคุ้มทุนก็เป็นสิบปี”