ETDA เดินหน้า 4 โจทย์ใหญ่ ดันขีดความสามารถดิจิทัลไทยสู่อันดับ 30

ETDA-ดิจิทัล

ผอ. ETDA โชว์ผลงานวาระแรก ขับเคลื่อนสังคมดิจิทัลด้วย 2 บทบาท “Regulator-Promoter” ผ่านการทำงานใน 4 มิติ ตั้งเป้าแก้ 4 โจทย์ใหญ่ ดันขีดความสามารถทางดิจิทัลของไทยขึ้นสู่อันดับ 30 ภายในปี 2570

วันที่ 12 กันยายน 2567 ดร.ชัยชนะ มิตรพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA กล่าวว่า 14 ปีที่ผ่านมา ETDA ขับเคลื่อนอนาคตธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศ ให้ก้าวสู่สังคมดิจิทัลด้วยบทบาทสำคัญ 2 อย่าง ได้แก่ “Co-Creation Regulator” กำกับดูแลธุรกิจบริการดิจิทัลภายใต้กฎหมาย 2 ฉบับ ควบคู่ไปกับบทบาท “Promoter” มุ่งส่งเสริม รัฐ เอกชน และเอสเอ็มอี (SMEs)

พร้อมผนวก Tech Provider ในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพิ่มประสิทธิภาพ สู่เป้าหมายใหญ่ 30 : 30 ทั้งการเพิ่มสัดส่วนเศรษฐกิจดิจิทัลให้เพิ่มเป็น 30% ของ GDP และนำพาประเทศไทยขึ้นสู่ 30 อันดับแรกของโลก ในด้านความสามารถในการแข่งขันทางดิจิทัล ภายในปี 2570 จากที่ปัจจุบันอยู่ที่อันดับ 35

“ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา (ปี 2564-2567) ถือเป็นช่วงการทำงานในวาระที่ 1 ได้เห็นประเด็นที่ท้าทาย จึงเร่งเชื่อมงานต่อ สู่การทำงานในวาระที่ 2 ที่มุ่งเน้นขยายการใช้งานเทคโนโลยีในทุกภาคส่วนมากยิ่งขึ้น ต่อยอดอีโคซิสเต็มที่ได้วางรากฐานเอาไว้”

โดย ETDA ได้ดำเนินงานผ่านการขับเคลื่อนงานใน 4 มิติหลัก ได้แก่

1.Digital Infrastructure & Ecosystem : ทำธุรกรรมออนไลน์ น่าเชื่อถือมากขึ้น

ADVERTISMENT

ร่วมวางรากฐานของอีโคซิสเต็มที่รองรับการให้บริการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (Digital ID) ตั้งแต่ Digital ID Framework กรอบใหญ่ในการขับเคลื่อนการให้บริการที่บูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน สู่การมีกลไกการกำกับดูแล ภายใต้กฎหมาย Digital ID

พร้อมออกมาตรฐาน และแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้องให้ครอบคลุมการดำเนินงาน เช่น Biometric, การสแกนใบหน้า และการมอบอำนาจทางอิเล็กทรอนิกส์โดยมีผู้ให้บริการ Digital ID ได้รับใบอนุญาตแล้ว 12 ราย รวม 16 ใบอนุญาต 

ADVERTISMENT

อีกทั้งยังสนับสนุนการเชื่อม Digital ID กับการให้บริการ ภาครัฐผ่านออนไลน์ (Government e-Service) แล้ว 449 บริการ และในมุมของผู้ใช้งานหรือประชาชน ยังได้สร้างการรับรู้อย่างต่อเนื่องบนโซเชียลมีเดียผ่านแคมเปญ MEiD (มีไอดี)

2.Digital Service Governance : ลดความเสี่ยง เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

กำกับดูแลธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล เพิ่มความโปร่งใส เป็นธรรมในการให้บริการ ภายใต้กฎหมาย DPS (Digital Platform Services) ผลักดันให้มีแพลตฟอร์มแจ้งข้อมูลยืนยันตัวตนแล้ว 1,813 แพลตฟอร์ม (ข้อมูล ณ วันที่ 10 ก.ย. 2567) มี Best Practices ที่จะนำไปสู่การ Self-Regulation ในระยะยาว ที่จะช่วยลด Online Fraud ผ่านกฎหมายลูก 9 ฉบับ

ตัวอย่างเช่น การชดใช้หรือเยียวยาผู้ใช้บริการ, Cash on Delivery (COD), Advertisement Screening, คู่มือการดูแลการขายสินค้าที่ต้องมีมาตรฐาน และศูนย์ช่วยเหลือและจัดการปัญหาออนไลน์ หรือสายด่วน 1212 ETDA ที่รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับบริการแพลตฟอร์ม

นอกจากนี้ ยังเสริมศักยภาพการประยุกต์ใช้ AI อย่างมีธรรมาภิบาล (AI Governance) โดยศูนย์ธรรมาภิบาลปัญญาประดิษฐ์ หรือ AIGC (AI Governance Center) ทั้งการให้คำปรึกษาระดับองค์กร การออก Guideline และ Toolkit เช่น Generative AI, AI Procurement Guideline จนถึง AI Roadmap Guideline เป็นต้น

โดยที่ผ่านมาศูนย์ AIGC ได้ทำงานร่วมกับพันธมิตรทั้ง UNESCO, NECTEC รวมไปถึงสถาบันการศึกษาและองค์กรชั้นนำ เพื่อเจาะกลุ่มภาครัฐ กลุ่ม Healthcare และภาคการเงิน

3.Digital Adoption & Transformation : หนุนทุกภาคส่วนให้พร้อมทรานส์ฟอร์มการทำงาน

ยกระดับงานเอกสารภาครัฐ สู่อิเล็กทรอนิกส์ (ระบบ e-Saraban และ e-Signature) โดยหน่วยงานภายในกระทรวงดีอี ได้เชื่อมโยงกันเรียบร้อยแล้ว และพร้อมให้หน่วยงานที่สนใจนำระบบไปติดตั้ง รวมถึงสนับสนุนให้เกิด e-Timestamping Service Provider และมีระบบ e-Tax Invoice by email 

นอกจากนี้ ยังมีการส่งเสริมในกลุ่ม SMEs โดย ETDA มีผลการประเมินความพร้อมด้านดิจิทัลในปีที่ผ่านมา จึงต่อยอดและพัฒนาโมเดลเพื่อปิดช่องว่าง โดยเจาะพื้นที่เศรษฐกิจ EEC และภาคใต้ ในกลุ่มภาคการผลิต การค้า และการบริการ ทั้งการเพิ่มความรู้ และจับคู่ทางธุรกิจร่วมกับ Tech Providers ควบคู่ไปกับการส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรมผ่าน Digital Service Sandbox ที่มีบริการผ่านทดสอบแล้ว 8 รายจากทั้งหมด 11 ราย

ขณะที่ในมุมของการคาดการณ์อนาคตเพื่อเตรียมพร้อมแนวทางการดำเนินงาน ETDA มีข้อมูลสะท้อนภาพอนาคต ที่วิจัยและสังเคราะห์โดยศูนย์ Foresight Center และศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลภายใน ETDA ที่มีการปล่อยรายงานประจำปี เช่น มูลค่าพาณิชยอิเล็กทรอนิกส์ ผลการศึกษาอนาคตด้านเทคโนโลยี จนไปถึง Mental Health เป็นต้น

4.Digital Workforce, Literacy & Protection : เพิ่มแรงงานดิจิทัลคุณภาพสู่ตลาด เสริมรายได้ชุมชน

พัฒนาทักษะแรงงานเฉพาะด้านดิจิทัลเข้าสู่ตลาดแรงงาน 12,406 คน ผ่านการอบรมทั้งระดับผู้บริหารจนถึงปฏิบัติการ รวมถึงมี e-Learning ที่ทำร่วมกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (DSD Online Training) และการรับรองทักษะดิจิทัล Digital Skill Proficiency Certification (DSPC) แล้ว 135 คน ที่ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และ KBANK

อีกทั้งยังทำงานเชิงรุกใน 4 ภูมิภาคเพื่อส่งเสริม Social Enterprise กับโครงการ ELDC (ETDA Local Digital Coach) ผ่านโมเดลการปั้นโค้ชดิจิทัลชุมชน เพื่ออบรมพัฒนาทักษะ ก่อนปล่อยลงสู่ชุมชนที่ได้รับคัดเลือกเพื่อพัฒนาแผนธุรกิจ โดย ETDA มีโค้ชแล้วกว่า 5,386 คน และชุมชนที่เข้าร่วม 757 ชุมชน ซึ่งมีการแข่งขันแผนการพัฒนาร่วมกับชุมชนผ่านแคมเปญประจำปี

นอกจากนี้ ยังเร่งกระจายความรู้การใช้เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์และรู้ทันภัยไซเบอร์สู่ประชาชน ผ่านโครงการ EDC (ETDA Digital Citizen) และศูนย์ 1212 (ศูนย์ช่วยเหลือและจัดการปัญหาออนไลน์) ที่มีทั้งการเปิดหลักสูตรใหม่ EDC Plus และ e-Learning โดยที่ผ่านมามีผู้อบรมแล้ว 57,522 คน และต่อยอดสู่ EDC Trainer เพื่อเป็นตัวแทนกระจายลงพื้นที่ ที่ตอนนี้มีเทรนเนอร์ 1,420 คน ใน 137 อำเภอ คิดเป็น 16% ของทั้งหมด (878 อำเภอ) โดย ETDA ตั้งเป้าที่จะลุยให้ได้อย่างน้อย 50% ภายในปี 2570

ในขณะที่กลุ่มเปราะบาง เช่น คนพิการทางการได้ยิน ก็มีการพัฒนาสื่อที่ให้กลุ่มดังกล่าวได้เข้าถึง ซึ่งตอนนี้มีสถิติการเข้าถึงแล้ว 20,000 คน พร้อมกับเร่งกระจายการรับรู้ภัยไซเบอร์กับแคมเปญ “สร้างภูมิคนไทย รู้ทันปัญหาออนไลน์” ที่ลงพื้นแล้ว 22 จังหวัด 4,880 คน พร้อมเผยแพร่สื่อประเด็นภัยออนไลน์สู่คนไทยทั่วประเทศ จนมีคนไทยเข้าถึงสื่อของ ETDA แล้ว 32.5 ล้านครั้ง

ทั้งนี้ สำหรับการดำเนินงานในปี 2568 ETDA ชูแนวคิด “ก้าวที่มั่นคง เพื่อชีวิตดิจิทัลที่มั่นใจ” ต่อเนื่องกับ 2 บทบาทหลักของ ETDA ทั้ง “Co-Creation Regulator” และ “Promoter” เน้นขยายการใช้งานเพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ และผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมกับ 4 โจทย์ใหญ่ ที่ต้องไปต่อ ได้แก่

1.ต่อยอด Digital Infrastructure and Ecosystem

เน้นงาน 4 กลุ่มสำคัญ คือ 1.Document Management เสริมศักยภาพโครงสร้างเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ 2.Digital Platform Services เพิ่มการมีส่วนร่วมในการกำกับดูแลแพลตฟอร์มดิจิทัล 3.AI Governance & Data Sharing เสริมการประยุกต์ใช้ AI อย่างมีธรรมาภิบาลและการแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ 4.Legal & Standard พัฒนาและปรับปรุงกฎหมาย มาตรฐาน ที่เกี่ยวข้อง พร้อมมุ่งส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมจากผู้ให้บริการ (Service Provider) ผ่าน Innovation Sandbox

2.เร่งกลไก Digital Service and Governance

ผลักดันให้เกิดการมีส่วนร่วมสำหรับการกำกับดูแลแพลตฟอร์มดิจิทัล ผ่านกลไกทั้งมาตรฐาน แนวปฏิบัติ (Best Practices) เพื่อให้เกิดอีโคซิสเต็มที่จะช่วยลดความเสี่ยงและปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการให้บริการ ผนวกการวิเคราะห์ผลกระทบ เช่น Labor Platform และ e-Commerce Platform เพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคอย่างเหมาะสม และสนับสนุนการมี Community ที่เข้มแข็ง ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการเกิด Self-regulation ในอนาคต

พร้อมผนวกบทบาทสายด่วน 1212 ETDA เพื่อรองรับช่องทางการรับเรื่องร้องเรียนของแพลตฟอร์มขนาดเล็กเสริมศักยภาพขององค์กรด้วย AI Governance โดยศูนย์ AIGC ทั้งการขยาย Sector สู่กลุ่ม Telecommunication และสถาบันการศึกษาทั้งในและต่างประเทศ การมี AI Guideline & Tool ใหม่ ๆ เช่น  AI Project Management, Data Governance for AI เตรียมออก Implementation Guidance ของไทยที่อ้างอิง UNESCO เกี่ยวกับจริยธรรมของ AI 

3.เสริมความเข้มข้น Digital Adoption and Transformation

ผลักดันให้เกิดการใช้ Digital ID เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพบริการภาครัฐและเอกชนมากขึ้น โดยเฉพาะบริการรัฐที่ตั้งเป้าเชื่อมระบบให้ได้ 80% ภายในปี 2568 มีแนวทางการใช้งาน Digital Document Wallet สำหรับการทดลองใช้งาน พร้อมกับส่งเสริมการใช้งานผ่านแคมเปญ MEiD และติดสปีด SMEs ให้เกิดการใช้เทคโนโลยีเข้าไปสนับสนุนกระบวนการทางธุรกิจ

โดยนำโมเดลการทำงานขยายลงพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ที่นอกจาก ภาคการค้า การบริการแล้ว ยังขยายต่อในภาคการเกษตร มุ่งเน้นการเพิ่มความรู้ เพิ่มรายได้ ขยายฐานลูกค้าและตลาดให้มากขึ้น

4.เพิ่มประสิทธิภาพ Digital Workforce, Literacy & Protection ผ่านการดำเนินงาน 3 ส่วนหลัก ได้แก่

1) เพิ่มปริมาณแรงงานเฉพาะด้านดิจิทัลที่มีคุณภาพ ตั้งเป้า 90,000 คนในปี 2570 ผ่านหลักสูตรระดับผู้บริหาร e-Learning การรับรองทักษะดิจิทัล (DSPC) และการรับรองทักษะโดยสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (TPQI)

2) เพิ่มรายได้ชุมชนและลดอัตราการว่างงาน ตั้งเป้าปี 2570 มีชุมชนเข้าร่วม 1,000 ชุมชน โดยต่อยอด Model การพัฒนาชุมชนในระดับภูมิภาค จับมือพาร์ตเนอร์ ปั้นโค้ชดิจิทัลชุมชน ผนวกการพัฒนาชุมชนทั้งการเพิ่มความรู้ และการผนวกเครื่องมือทางออนไลน์ พร้อมผลักดันสู่การจัดตั้งกิจการเพื่อสังคม ก่อนส่งต่อพาร์ตเนอร์เพื่อส่งเสริมอย่างต่อเนื่อง

และ 3) เสริมสร้างให้คนไทยรู้เท่าทันเทคโนโลยีและภัยออนไลน์ ขยายต่อเนื่องในกลุ่มเปราะบาง ตั้งเป้ามี EDC Trainer กระจายลงอำเภอเพิ่มขึ้นอีก 10% (ไม่น้อยกว่า 80 อำเภอ) และมี 2570 เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 50% พร้อมเผยแพร่ความรู้และสื่อ และเสริมการวัดผลกระทบทางสังคม (Social Impact) ในเชิงพื้นที่ไปพร้อม ๆ กับการต่อยอดสร้างเครือข่ายการทำงาน เพิ่มความยั่งยืน
ในการพัฒนาทักษะดิจิทัลคนไทย

โดย ETDA เตรียมพัฒนาแหล่งรวบรวมข้อมูลกลาง (Content Management) เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงสื่อและความรู้ได้ง่ายยิ่งขึ้น ในปี 2568