กสทช. พบ กมธ.กิจการเด็กฯ หารือผลกระทบรายการ “ขยี้ข่าว”

กสทช. เข้าพบ กมธ.กิจการเด็กฯ หารือแนวทางปกป้อง “เด็ก-เยาวชน-กลุ่มเปราะบาง” จากการนำเสนอเนื้อหารายการ “ขยี้ข่าว”

วันที่ 12 กันยายน 2567 ศ.กิตติคุณ ดร.พิรงรอง รามสูต กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า รายการข่าวที่นำเสนอเนื้อหาในลักษณะปุถุชนสนใจ เป็นเสมือนเหรียญสองด้าน ด้านหนึ่งก็อาจจะเป็นการเปิดประเด็นเกี่ยวกับปัญหาที่ยังไม่ได้รับการดูแลจากภาครัฐหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่อีกด้านหนึ่ง วิธีการและเนื้อหาในการนำเสนอก็อาจจะกระทบสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้ที่ตกเป็นข่าวไม่ว่าจะโดยเจตนาหรือไม่

“เราปฎิเสธไม่ได้ว่าอุตสาหกรรมโทรทัศน์กำลังอยู่ในช่วงขาลง การพยายามหาจุดขายผ่านเนื้อหาเพื่อให้ได้เรตติ้งหรือยอดคนดูเป็นแนวทางที่หลายช่องทำเพื่อความอยู่รอด แต่กสทช. ก็จำเป็นต้องดูแลในเรื่องนี้ เพราะข่าวเป็นพื้นที่และสาระที่ส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางในสังคม ทั้งในแง่การหล่อหลอมมติมหาชนหรือการบ่มเพาะค่านิยมทางสังคมต่าง ๆ มาตรฐานจริยธรรมและรสนิยมที่ดีจึงเป็นสิ่งที่ละเลยไม่ได้ในการนำเสนอข่าว“

ดังนั้น กสทช. ด้านกิจการโทรทัศน์ และคณะ จึงได้เข้าพบคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร ที่รัฐสภา เพื่อหารือแนวทางในการปกป้องคุ้มครองเด็กและเยาวชน ตลอดจนกลุ่มที่มีความเปราะบางในสังคม อันเนื่องมาจากรายการโทรทัศน์ที่มีเนื้อหาความรุนแรงและอาจส่งผลกระทบต่อสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้ที่ตกเป็นข่าว

โดยประเด็นที่ร่วมหารือส่วนหนึ่ง เกี่ยวกับสถานการณ์รายการ “ขยี้ข่าว” หรือรายการข่าวที่มีวิธีการนำเสนอแบบเร้าอารมณ์ เน้นดราม่า และรายการโทรทัศน์ที่นำเสนอความรุนแรงเกี่ยวกับเด็ก สตรี กลุ่มเปราะบาง หรือความรุนแรงในครอบครัว ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้ตกเป็นข่าว ตลอดจนการรับรู้และค่านิยมของสังคมโดยรวมได้

กสทช. จึงมีการดำเนินงานในหลาย ๆ มิติเพื่อดูแลปัญหาดังกล่าวทั้งในแง่กลไกการกำกับดูแล การเปิดพื้นที่ในการทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง องค์กรวิชาชีพสื่อ และภาควิชาการ ตลอดจนการให้ความรู้กับสังคม และการรณรงค์เพื่อสร้างความตระหนักรู้ในทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง

ADVERTISMENT

ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ ได้เห็นพ้องถึงความสำคัญของปัญหา การป้องกันและแก้ไขปัญหา โดยเบื้องต้นเห็นชอบที่จะเข้าร่วมรณรงค์และแก้ปัญหา อีกทั้งยินดีที่จะทำงานร่วมกับ กสทช. โดยจะมีการติดตามและประสานงานต่อไปในอนาคต

นายพาณุวัฒณ์ สะสมทรัพย์ ประธานคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ กล่าวว่า วันนี้ต้องยอมรับว่าคนไม่ค่อยเสพข่าวที่ดีสักเท่าไหร่ เสพข่าวไม่ดีเยอะ เพราะเรียกเรตติ้ง

ADVERTISMENT

นางสาวกิตติ์ธัญญา วาจาดี รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง กล่าวว่า ผู้ประกาศข่าวไม่ควรใส่ความคิดเห็นของตนเองลงไป จูงใจผู้ชมให้คล้อยตามโดยที่อาจนำไปสู่ความเข้าใจผิดได้

นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สอง กล่าวว่า ควรมีเส้นแบ่งที่ชัดเจนระหว่างรายการข่าวกับรายการ “ขยี้ข่าว” ที่มีการนำเสนอในลักษณะเร้าอารมณ์หรือดราม่า และควรมีการให้ความรู้เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับสิทธิของผู้ที่มาออกรายการและผู้ที่ปรากฏอยู่ในเนื้อหารายการด้วย

โดยรายการขยี้ข่าวอาจต้องสร้างนิยามใหม่ เนื่องจากองค์ประกอบของรายการเน้นการนำเสนอข่าวด้วยอารมณ์และความรู้สึกมากกว่าการรายงานข้อเท็จจริง การนำเสนอข่าวในลักษณะนี้ส่งผลให้เกิดการเล่าเรื่องแบบละคร (dramatization) และการขยายประเด็นอารมณ์ (sensationalism) อาจทำให้ข่าวขาดความเป็นกลางและสร้างความเข้าใจผิดในสังคม

“หากรายการขยี้ข่าวไม่ใช่ข่าวในนิยามเดิม การผลิตและเผยแพร่เนื้อหาของรายการอาจเข้าข่ายการละเมิดลิขสิทธิ์หรือสิทธิส่วนบุคคลของผู้ที่ถูกสัมภาษณ์หรือถูกนำเสนอ การคำนึงถึงลิขสิทธิ์และสิทธิในการเผยแพร่ซ้ำจึงเป็นเรื่องสำคัญ ผู้ที่ถูกสัมภาษณ์ควรมีสิทธิในการควบคุมเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับตนเอง เช่น สิทธิในการอนุญาตให้เผยแพร่ซ้ำหรือได้รับส่วนแบ่งจากรายได้ที่เกิดจากการผลิตเนื้อหานั้น”