“5G” พลิกโฉมธุรกิจ ไทยพร้อมมาก…รอแค่คลื่น

5G ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง ไม่เฉพาะแค่ในธุรกิจโทรคมนาคม “นาดีน อัลเลน” ประธาน บริษัท อีริคสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวในงานเปิดตัวโซลูชั่นเครือข่ายรูปแบบใหม่ “Do Zone” ว่า 5G ไม่ใช่เรื่องของอนาคต แต่มีการทดลองใช้งานในหลายประเทศทั่วโลกแล้ว อาทิ ซอฟต์แบงก์ของญี่ปุ่นที่ได้ทดลอง 5G บนคลื่น 4.5 GHz Verizon ของสหรัฐอเมริกาทดลองใช้เชื่อมต่อกับรถยนต์ด้วยสปีด 6.4 Gbps ขณะรถเคลื่อนที่ทั้งคาดว่าปี 2566 20% โมบายทราฟฟิทั่วโลกจะใช้งาน 5G

“5G จะเป็น Game Changer ให้กับทุกอุตสาหกรรมสร้างการเติบโตทางธุรกิจจากการประยุกต์ใช้งาน 5G ด้วยการแข่งกันสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งาน ซึ่งผู้ที่กระโดดเข้ามาก่อนย่อมได้เปรียบ เหมือนกับตอนที่เริ่มต้น 4G ในไทย เห็นได้ชัดว่าใครเริ่มก่อนก็ได้มาร์เก็ตแชร์ก่อน และมีรายได้เพิ่มเฉลี่ยอยู่ที่ 10%”

ขณะที่รายงาน 5G Business Potential ของอีริคสัน ประเมินว่า 5G จะทำให้ผู้ให้บริการในไทยเพิ่มรายได้ให้สูงขึ้นถึง 2.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 22% ของรายได้ที่คาดไว้ภายในปี 2569″

ในประเทศไทยคาดว่า 5G จะเริ่มใช้อย่างกว้างขวางตั้งแต่ปี 2563 ซึ่งกลุ่มแรก ๆ หนีไม่พ้นวงการโทรคมนาคม ที่จะช่วยให้เข้าไปมีบทบาทใหม่ ๆ ในอุตสาหกรรมอื่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และที่น่าจับตาคืออุตสาหกรรมการผลิตที่ไทยมีความแข็งแกร่ง จะประยุกต์ใช้ในกระบวนการผลิต อุตสาหกรรมพลังงาน ความปลอดภัยสาธารณะ สุขภาพ และบันเทิง ซึ่งตลาดไทยพร้อมมากในการใช้ 5G โดยเฉพาะการประยุกต์ใช้กับ IOT

ขณะที่ “การจัดสรรคลื่นความถี่” คือปัจจัยสำคัญที่จะส่งเสริม 5G ซึ่งต้องผสมผสานทั้งคลื่นในย่านความถี่ต่ำอย่าง 700 MHz ที่จะสนับสนุนการส่งสัญญาณให้ครอบคลุม ย่านความถี่ระดับกลางอย่าง 3.5 GHz ที่มีศักยภาพในการส่งผ่านและรองรับการใช้งานด้วยความเร็วที่ดีในระดับหนึ่ง และคลื่นย่านความถี่สูง อย่าง 26-28 GHz ที่จะใช้เป็นจุดกระจายสัญญาณในอาคาร เพื่อรองรับการใช้ชีวิตกว่า 80% ของผู้ใช้งานในแต่ละวัน

“คลื่นความถี่ในไทยก็มีเท่า ๆ กับประเทศอื่น อยู่ที่เวลาในการจัดสรร เข้าสู่อุตสาหกรรม ซึ่งเชื่อว่า กสทช.ได้วางแผนไว้แล้ว ส่วนการแข่งขันกันระหว่างเจ้าของเทคโนโลยี เชื่อว่าอีริคสันก็แข็งแกร่งพอถึงได้อยู่ยาวนานมาถึง 140 ปี และแต่ละปีได้ทุ่มงบฯวิจัยพัฒนาถึง 20% ของรายได้ เพื่อนวัตกรรมใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา อย่างเครือข่าย 5G ของอีริคสันสามารถลดต้นทุนโมบายบรอดแบนด์ต่อ GB ลงถึง 10 เท่าเมื่อเทียบกับ 4G”