โค้งสุดท้ายของปี 2024 แล้ว สำหรับอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งในแง่ของมูลค่ายังนับว่าต่ำกว่าที่คาดการณ์ แม้จะเกิดปรากฏการณ์ Bitcoin Halving รวมถึงการอนุมัติ Spot ETF ก็ตาม
แต่ในแง่ของการเติบโตด้านอีโคซิสเต็ม หรือการ Mass Adoption ในปีนี้เป็นอย่างไร และในปีหน้า 2025 จะเกิดอะไรขึ้นบ้างเป็นคำถามที่คนในแวดวงต่างพยายามคาดการณ์ให้ได้
“ประชาชาติธุรกิจ” ได้พูดคุยกับ “เรเชล คอนลัน” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด Binance Global ถึงสถานการณ์ในปีนี้ที่เธอเรียกว่าอยู่ในช่วง “โมเมนตัม” แรงเหวี่ยงส่งไปสู่การปรับใช้สินทรัพย์ดิจิทัลในวงกว้าง
รวมถึง “กาลา เหวิน” ผู้อำนวยการการพัฒนาอีโคซิสเต็มของบล็อกเชน Binance ที่กล่าวถึงแนวทางการพัฒนาระบบนิเวศให้รองรับการเปลี่ยนผ่านกลุ่มธุรกิจดั้งเดิมสู่โลก Web3
โมเมนตัมสู่วงกว้าง
“เรเชล” กล่าวว่า ตลอดปี 2024 ที่ผ่านมา เรียกได้ว่าเป็นปีแห่งการกำกับดูแล ที่ทาง Binance พยายามเดินหน้าเข้าหาหน่วยงานของรัฐเพื่อหาแนวทางกำกับและส่งเสริมอุตสาหกรรมร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดที่มีความสำคัญ คือ มี Binancian หรือผู้ใช้แพลตฟอร์ม Binance จำนวนมาก เช่น สหรัฐ, ดูไบ และแน่นอนว่าประเทศไทยเช่นกัน
แต่ในปี 2024 มีเหตุการณ์สำคัญกว่าคือการอนุมัติ Bitcoin Spot ETF ซึ่งเปิดทางให้โลกการเงินแบบดั้งเดิมเข้าสู่โลกคริปโตง่ายขึ้น สะท้อนให้เห็นการ “ยอมรับ” ในวงกว้าง เพื่อปูทางสู่เป้าหมาย Mass Adoption
ดังนั้น สัญญาณการยอมรับนี้กำลังส่งโมเมนตัมถึงทุกภาคส่วนตลอดปี 2024 นี้ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานกำกับดูแล ผู้ประกอบการในกลุ่ม Web2 (กลุ่มธุรกิจที่ยังไม่เข้ามามีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมบล็อกเชน) รวมถึงเทรดเดอร์ นักลงทุน และอื่น ๆ
เป้าหมาย Mass Adoption
“เราไม่อาจจะพยากรณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในปี 2025 แต่เส้นทางนั้นชัดเจน คือการผลักดันอุตสาหกรรมบล็อกเชนไปสู่การใช้งานในวงกว้าง หรือ Mass Adoption”
สิ่งที่ Binance ทำตลอด 7 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะทีมการตลาด คือการให้การศึกษาเกี่ยวกับเทคโนโลยีเหล่านี้ รวมถึงการสร้างคอมมิวนิตี้ที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นนักพัฒนา นักลงทุน ผู้กำกับดูแลและผู้ใช้งาน โดยเฉพาะงาน Binance Blockchain Week ที่จัดในเมืองใหญ่ ๆ เป็นหนึ่งในอีเวนต์สำคัญที่ทำให้คอมมิวนิตี้แข็งแกร่ง
ปัจจุบัน Binance Global Exchange มีผู้ใช้มากกว่า 200 ล้านคน คิดเป็นราว 6% ของคนทั้งโลก การเดินทางมา 7 ปี จึงยังเทียบไม่ได้กับสิ่งที่การเงินในโลกดั้งเดิมทำมาหลายร้อยปี ดังนั้นในปี 2025 เป้าหมายจึงยังคงเดินหน้าใช้ “โมเมนตัม” ที่เกิดในปีนี้ สร้างการมีส่วนร่วมสู่เป้าหมายที่จะเข้าถึงผู้ใช้หนึ่งพันล้านคน เพื่อเปลี่ยนผ่านจากการใช้คริปโต หรือบล็อกเชนเฉพาะกลุ่มไปสู่กระแสหลัก
ความท้าทายอยู่ที่การดำเนินงานท่ามกลางความคิดและแนวทางที่หลากหลาย โดยเฉพาะการกำกับดูแลที่ต่างกันไปในแต่ละภูมิภาคหรือแต่ละประเทศ
กลยุทธ์ หรือวิธีคิดสำคัญ คือ การปรับตัวสู่ตลาดท้องถิ่น เพื่อให้เกิดความเข้าใจในเทคโนโลยีเหล่านี้
“ฉันมองว่าเป็นเรื่องยาก แม้แต่คุณยายของฉัน ยังสงสัยและโทร.มาถามตลอดว่าทำอะไรเกี่ยวกับคริปโต”
บริษัทมุ่งเน้นการปรับระบบและการดำเนินงานให้ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดท้องถิ่นได้อย่างรวดเร็ว และสร้างความมั่นใจในความเหมาะสมของผลิตภัณฑ์ เช่น ในประเทศไทย โดยร่วมกับพาร์ตเนอร์ในประเทศ หารือกับหน่วยงานดูแลเพื่อสร้างความเข้าใจ และความถูกต้องในการใช้งาน
การโต้ตอบการบริการลูกค้าที่แปลเป็นภาษาท้องถิ่น เสริมความสำคัญของกฎระเบียบและโครงสร้างพื้นฐานในการรับรองความปลอดภัย การแก้ไขปัญหาความท้าทายในการนำกรอบความปลอดภัยไปใช้ในประเทศต่าง ๆ ด้วย
แน่นอนว่า ต่อไปจะมี Binance Blockchain Week ในเมืองใหญ่ ๆ ทุกเมืองที่คอมมิวนิตี้เติบโตเร็ว เช่น ดูไบ กรุงเทพฯ และอื่น ๆ
เร่งเปลี่ยนธุรกิจ Web2 สู่ Web3
“เรเชล” กล่าวต่อว่า อีกหนึ่งกลยุทธ์สู่ Mass Adoption นอกจากการปรับตัวเข้ากับตลาดท้องถิ่น และการสร้างคอมมิวนิตี้แล้ว ส่วนสำคัญคือ การหาพันธมิตรในกลุ่มธุรกิจดั้งเดิมที่เรียกว่า Web2 และช่วยกันผลักดันสู่ Web3 เพื่อให้เกิดการใช้งานในโลกจริงมากขึ้น
ด้าน “กาลา เหวิน” ทีมพัฒนาเชิงเทคนิคของบล็อกเชน BNB กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันบล็อกเชน BNB กำลังโฟกัสอย่างมากกับการทำงานร่วมกับบริษัทที่ออกเหรียญ Stablecoin (สกุลเงินดิจิทัลที่ตรึงมูลค่ากับเงินจริง) เพราะอีโคซิสเต็มจำเป็นต้องมีการเชื่อมโยงกับการใช้จ่ายในโลกกายภาพ ซึ่ง Stablecoin สามารถทำได้ เพราะคือเงินจริง ๆ ที่ธุรกิจในโลกจริงใช้งาน และเมื่อธุรกิจในโลกจริงใช้งาน Stablecoin ก็สามารถถ่ายโอนสู่ Web3 ได้
“เราต้องการให้บล็อกเชนของเราเป็นมิตรกับธุรกิจดั้งเดิม และ Web3 เข้าถึงและเปิดกว้างสำหรับบล็อกเชนอื่น ๆ กระดานซื้อขาย หรือแพลตฟอร์ม Dapp (Decentralized Application) อื่น ๆ ไม่ใช่แค่กับ Binance เท่านั้น”
นอกจากนี้ยังมีส่วนอื่น ๆ ที่จะโฟกัสเพื่อเพิ่มการใช้ในแง่ User เช่น การสร้าง DeFi รุ่นใหม่ รวมถึงการส่งเสริม Meme Coin ซึ่งปัจจุบันวัฒนธรรมมีมเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดผู้ใช้ใหม่ และเข้าถึงโลกของบล็อกเชนและคริปโตได้ดี