IBM ชูแนวคิด “The Next Frontier of AI Race in Thailand” ผลักดันองค์กรไทยสู่ยุค AI ผ่าน 4 แกนสำคัญ พร้อมเปิดตัว “Granite 3.0” โมเดล AI ขนาดเล็ก แก้ปัญหาด้านต้นทุน-การใช้พลังงานในองค์กร
นายอโณทัย เวทยากร กรรมการผู้จัดการใหญ่ ไอบีเอ็ม ประเทศไทย (IBM) กล่าวว่า ปัจจุบันหลายองค์กรยังติดปัญหาเรื่องการนำ AI มาประยุกต์ใช้ในการดำเนินงาน โดยเฉพาะเรื่องของงบประมาณที่ใช้ในการลงทุน ซึ่ง 76% ของซีอีโอไทยมองว่าความสำเร็จขององค์กร ขึ้นอยู่กับความร่วมมือระหว่างฝ่ายการเงินและฝ่ายเทคโนโลยี
รวมถึง 55% ของผู้บริหารด้านเทคโนโลยีในไทยยังบอกด้วยว่ากำลังชะลอการลงทุนด้านเทคโนโลยีอย่างน้อยหนึ่งโครงการ จนกว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับมาตรฐานและกฎข้อบังคับต่าง ๆ
จากความท้าทายที่องค์กรต่าง ๆ ต้องเผชิญในการนำ AI มาใช้เพื่อทรานส์ฟอร์มวิธีการทำงานของตนเอง IBM ได้วางแผนการดำเนินงานปี 2568 ด้วยแนวคิด “The Next Frontier of AI Race in Thailand” หรือการช่วยให้องค์กรก้าวนำในปฐมบทใหม่ของการแข่งขันด้าน AI ผ่าน 4 แกนสำคัญ ได้แก่
1.โมเดล AI แบบโอเพนซอร์ส (Open-source AI models)
โมเดล AI แบบโอเพนซอร์สยังคงทวีความสำคัญเนื่องมาจากคุณสมบัติด้านความโปร่งใส ยืดหยุ่น ประสิทธิภาพด้านต้นทุน และการเอื้อให้องค์กรสามารถปรับแต่งให้ตรงกับความต้องการของธุรกิจ
โดยจะช่วยให้องค์กรลดความเสี่ยงจากปัญหาเวนเดอร์ล็อกอินและส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรมที่ร่วมต่อยอดโดยคอมมิวนิตี้ของนักพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ช่วยสนับสนุนกลยุทธ์ด้าน AI ที่เชื่อถือได้สำหรับทุกองค์กร
2.รากฐานของข้อมูลที่เชื่อถือได้ (Trusted data foundation)
ก่อนจะสร้าง Gen AI ที่เชื่อถือได้สำหรับธุรกิจ องค์กรต้องสร้างรากฐานข้อมูลที่เปิดกว้างและเชื่อถือได้ รากฐานของข้อมูลแบบเปิดจะก่อให้เกิดความสามารถในการบูรณาการและจัดการข้อมูลอย่างมีระบบในสภาพแวดล้อมแบบไฮบริดคลาวด์ ช่วยให้เทคโนโลยีที่มีอยู่ทำงานร่วมกันได้ ลดปัญหาระบบแบบไซโล และเร่งการขับเคลื่อนการทรานส์ฟอร์มบนพื้นฐานของข้อมูล
รากฐานด้านข้อมูลที่เชื่อถือได้จะทำให้องค์กรมั่นใจได้ว่าการจัดการข้อมูลและ Metadata ต่าง ๆ เพื่อทำการวิเคราะห์ หรือใช้กับ AI ที่มีคุณภาพสูง มีความปลอดภัย และมีการกำกับดูแล ตอบโจทย์ด้านความเป็นส่วนตัวของข้อมูลและการปฏิบัติตามกฎข้อบังคับต่าง ๆ
3.การสเกลด้วย Governance (Scaling with governance)
ขณะที่องค์กรหลายแห่งประสบความสำเร็จในการสเกลการใช้งาน AI จะมีธุรกิจมากขึ้นที่ตระหนักถึงความจำเป็นในการใช้โซลูชั่นและกรอบการกำกับดูแล AI governance เพื่อลดความเสี่ยง ลดอคติ และปฏิบัติตามกฎระเบียบที่กำลังเปลี่ยนแปลง
หากไม่มี AI ที่รับผิดชอบและการกำกับดูแล AI องค์กรย่อมไม่สามารถสเกลการใช้งาน AI โดยความไว้วางใจเปรียบเสมือนใบอนุญาตในการดำเนินธุรกิจขององค์กร และองค์กรจะไม่สามารถปล่อยให้ความไว้วางใจถูกทำลายลงโดย AI
4.การอินทิเกรตทั่วทั้งระบบนิเวศ (Ecosystem integrations)
ความสามารถในการอินทิเกรตการใช้งาน AI ทั่วทั้งระบบขององค์กรจะทวีความสำคัญในปี 2568 โดยการใช้งานโมเดล AI โอเพนซอร์สที่เพิ่มขึ้น จะนำสู่ความจำเป็นที่แพลตฟอร์มแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ต้องสามารถเชื่อมโยงกันได้อย่างง่ายดายกับโมเดลอื่น ๆ ในระบบนิเวศด้านเทคโนโลยีขององค์กร นำไปสู่ความสามารถในการปรับตัวรับพัฒนาการใหม่ ๆ ด้าน AI ได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ IBM ยังเปิดตัว Granite 3.0 ซึ่งเป็นโมเดล AI ขนาดเล็กที่มอบประสิทธิผลสำหรับภาระงานที่เฉพาะเจาะจงกับแต่ละองค์กรได้ เทียบเท่ากับแบบจำลองขนาดใหญ่ ในราคาที่ต่ำกว่า ตอบโจทย์องค์กรที่เริ่มมองหาโมเดลขนาดเล็ก เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายและการใช้พลังงาน มีให้หลายรุ่นภายใต้โมเดล 2 ขนาด คือโมเดล 8B และ 2B ซึ่งแต่ละองค์กรสามารถเลือกใช้ตามความเหมาะสม
“วันนี้ธุรกิจเริ่มเปลี่ยนความคิด จากที่มองว่าโมเดล AI ขนาดใหญ่ คือ AI ที่มีความสามารถมากกว่า แต่เทคโนโลยี LLM ที่มีขนาดใหญ่และต้องใช้พลังงานสูง กลายเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลในระยะยาวขององค์กร”
โดยรายละเอียดอื่น ๆ ของโมเดล Granite 3.0 เป็นดังนี้
- ประสิทธิภาพ : Granite 3.0 รุ่น 8B Instruct มีประสิทธิภาพเทียบเคียงได้กับโมเดลขนาดใกล้เคียงกันของ Meta และ Mistral ในการใช้กับภาระงานหลัก ๆ ขององค์กร เช่น Retrieval Augmented Generation เป็นต้น ตามเกณฑ์การเปรียบเทียบสมรรถนะของ AttaQ
- ประสิทธิภาพด้านต้นทุน : Granite 3.0 มอบสมรรถนะสำหรับการใช้กับภาระงานที่เจาะจง (task-specific performance) เท่ากับโมเดลขนาดใหญ่ ในราคาที่ต่ำกว่า 3-23 เท่า
- การรับรองทางกฎหมาย (legal indemnity) : IBM ให้การรับประกันทางทรัพย์สินทางปัญญา (IP indemnity) บนแพลตฟอร์ม watsonx.ai เพื่อให้ลูกค้าองค์กรผนวกรวมข้อมูลเข้ากับโมเดล Granite ได้อย่างมั่นใจ เมื่อต้องพัฒนาแอปพลิเคชั่นด้าน AI สำหรับองค์กรของตน
- ความสามารถในการปรับจูน : Granite 3.0 ได้รับการออกแบบมาให้สามารถปรับแต่งเข้ากับข้อมูลขององค์กรได้ โดยใช้ InstructLab และอินทิเกรตเข้ากับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจหรือกระบวนการทำงานต่าง ๆ ได้แบบไร้รอยต่อ
- ความโปร่งใส : IBM เปิดเผยชุดข้อมูลที่ใช้ในการฝึกโมเดล Granite รวมถึงรายละเอียดของขั้นตอนการฟิลเตอร์ การคลีนข้อมูล และขั้นตอนการคัดเลือกข้อมูลที่นำมาใช้
- ความรับผิดชอบ : โมเดล Granite Guardian สามารถตรวจสอบมิติความรุนแรงต่าง ๆ เช่น อคติทางสังคม ความเกลียดชัง สิ่งที่เป็นพิษภัย คำหยาบคาย ความรุนแรง การดัดแปลง เป็นต้น รวมถึงการตรวจสอบ RAG โดยเฉพาะ ในแง่ความกระจ่างชัด ความสอดคล้องของบริบท และความสอดคล้องของคำตอบ
- โอเพนซอร์ส : Granite 3.0 ได้รับไลเซนส์ Apache 2.0 แบบเต็ม หมายความว่านักพัฒนาจะสามารถดาวน์โหลดและใช้โมเดลได้อย่างเสรี ปรับเปลี่ยนได้ อินทิเกรตเข้ากับระบบได้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องข้อจำกัดของไลเซนส์
- การอินทิเกรต : Granite 3.0 สามารถอินทิเกรตเข้ากับระบบและแพลตฟอร์มที่องค์กรใช้อยู่ รวมถึงชุดเครื่องมือและบริการ AI ของ IBM ได้อย่างไร้รอยต่อ
- คาร์บอนฟุตปรินท์ : โมเดล Granite สร้างคาร์บอนฟุตปรินท์ต่ำกว่า โดยมีการใช้พลังงาน 153,074 กิกะวัตต์ชั่วโมง และปัจจัยการปล่อยคาร์บอน 0.12 กก./กิกะวัตต์ชั่วโมง สำหรับรุ่น V1 (อ้างอิงจาก Granite Foundation Model Paper โดย IBM Research)