
orbix INVEST วิเคราะห์แนวโน้ม Bitcoin หลัง “รีพับลิกัน” กวาดที่นั่งกว่าครึ่งในสภาคองเกรส พร้อมขานรับนโยบาย 4 ประการของ “ทรัมป์” ต่อตลาดคริปโตเคอร์เรนซี
ดร.ธนภูมิ ดำรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออร์บิกซ์ อินเวสท์ จำกัด ได้วิเคราะห์แนวโน้มราคาบิตคอยน์พุ่งทำสถิติใหม่หลังทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอย่างน่าสนใจ เพราะไม่ใช่แค่การที่ “ทรัมป์” ได้รับชัยชนะเท่านั้น แต่บรรดา สส. สว. ในสภาที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากนั้น มีหลายคนที่เรียกได้ว่าชูนโยบายหนุนคริปโตมาก่อนหน้าด้วย
โดยบทวิเคราะห์มองว่า ตามที่ราคาบิตคอยน์พุ่งทะลุสถิติใหม่อย่างต่อเนื่อง หลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ โดยราคา ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 83,400 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นการทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ที่เกิดขึ้นจากการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล
“ตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา บิตคอยน์ได้แสดงแนวโน้มเชิงบวกอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากกระแสเงินทุนที่หลั่งไหลเข้าสู่ Bitcoin ETFs ทำให้กองทุน iShares Bitcoin Trust (IBIT) มีสินทรัพย์ถึง 34,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่า ETF ทอง (iShares Gold Trust : IAU) เสียอีก
แนวโน้มนี้ยิ่งชัดเจนมากขึ้นในวันที่ 6 พฤศจิกายน หลังจากที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี พร้อมกับพรรครีพับลิกันสามารถครองเสียงข้างมากในสภาทั้งสอง ทำให้การบริหารของรัฐบาลทรัมป์มีอำนาจในการผลักดันนโยบายได้ง่ายขึ้น และสามารถดำเนินการตามนโยบายที่ได้ประกาศไว้ในช่วงหาเสียงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะนโยบายที่เกี่ยวข้องกับบิตคอยน์
นอกจากนั้น ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ยังมีความน่าสนใจ ไม่เพียงแค่การที่ทรัมป์สามารถเอาชนะได้เท่านั้น แต่ยังพบว่าผลการเลือกตั้งวุฒิสภาในรัฐโอไฮโอก็มีความสำคัญเช่นกัน โดย Bernie Moreno นักธุรกิจผู้เชี่ยวชาญด้านบล็อกเชน สามารถเอาชนะ Sherrod Brown ได้สำเร็จ โดย Brown ถูกมองว่าไม่สนับสนุนคริปโตมาก่อนหน้านี้ เพราะเคยสนับสนุนการตรวจสอบและควบคุมคริปโต และโหวตคัดค้านกฎหมายที่ส่งเสริมคริปโต รวมถึงเรียกร้องให้มีการกำกับดูแลที่เข้มงวดมากขึ้น
ดังนั้น ผลการเลือกตั้งในครั้งนี้จึงส่งผลให้ราคาบิตคอยน์พุ่งทะยานสูงขึ้นจนทะลุสถิติเดิมที่เคยทำไว้เมื่อเดือนมีนาคม การควบคุมสภาทั้งสองโดยพรรครีพับลิกัน ช่วยให้เกิดความเชื่อมั่นว่าการสนับสนุนการลงทุนในบิตคอยน์และการพัฒนากฎระเบียบ ที่เอื้อต่อการเติบโตของคริปโตเคอร์เรนซีจะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้น
โดย orbix INVEST เชื่อว่าการชนะการเลือกตั้งจะส่งผลบวกต่อบิตคอยน์ในหลายประการ จากนโยบายหาเสียงของทรัมป์ที่เคยประกาศไว้ก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งทรัมป์ได้ประกาศว่าจะทำให้สหรัฐอเมริกาเป็นศูนย์กลางของธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลอีกครั้ง หลังจากที่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมนี้ย้ายไปสร้างธุรกิจในประเทศอื่นเนื่องจากกฎหมายที่ไม่เอื้ออำนวย นโยบายที่ประกาศยกตัวอย่างเช่น
1.การนำบิตคอยน์เป็นทุนสำรองของสหรัฐ โดยการซื้อบิตคอยน์จำนวน 1 ล้านบิตคอยน์ภายในระยะเวลา 5 ปี ซึ่งจะช่วยเสริมความมั่นคงของราคาและเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับสินทรัพย์ดิจิทัล
2.สนับสนุนการขุดบิตคอยน์ในสหรัฐ : นโยบายสนับสนุนการขุดบิตคอยน์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างงานในประเทศ ซึ่งแตกต่างจากนโยบายการเก็บภาษี 30% ของรัฐบาล Biden
3.การเก็บรักษาบิตคอยน์ที่ยึดได้แทนการขาย : การไม่ขายบิตคอยน์ที่รัฐบาลยึดมา (รวม 208,190 BTC) จะช่วยลดแรงกดดันในการขายและสนับสนุนราคาบิตคอยน์
4.การเปลี่ยนประธาน SEC คนใหม่ : สำหรับ Gary Gensler ประธานคนปัจจุบันของ SEC ซึ่งมีท่าทีต่อต้านสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างชัดเจน โดยได้ดำเนินคดีต่อบริษัทที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น Coinbase, Kraken และ Binance รวมถึงการกล่าวหาว่าสินทรัพย์ดิจิทัลหลายประเภทเป็น “หลักทรัพย์” ซึ่งทรัมป์ได้ให้คำมั่นว่า จะปลด Gary Gensler ออกจากตำแหน่งตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี
นอกจากนโยบายของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งผลบวกต่อบิตคอยน์ แล้ว ยังมีสถิติที่น่าสนใจ คือ จากประวัติการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ในปี 2020 ราคาบิตคอยน์เพิ่มขึ้น 28.24% ก่อนการเลือกตั้ง 1 เดือน และอีก 42.06% หลังการเลือกตั้ง 1 เดือน ในขณะที่ในปี 2016 ราคาบิตคอยน์เพิ่มขึ้น 14.99% ก่อนการเลือกตั้ง 1 เดือน และ 8.43% หลังการเลือกตั้ง 1 เดือน
ประกอบกับ ทรัมป์และรองประธาน เจ.ดี. แวนซ์ ต่างถือครองบิตคอยน์ ซึ่งสะท้อนถึงท่าทีที่สนับสนุนสินทรัพย์ดิจิทัล อีกทั้งทรัมป์ยังเคยออกคอลเล็กชั่น NFT และโปรเจ็กต์ DeFi ที่ชื่อว่า World Liberty Financial สำหรับการกู้ยืมในสินทรัพย์ดิจิทัล
ดังนั้น แนวโน้มในอนาคตของบิตคอยน์ ด้วยการสนับสนุนจากรัฐบาลใหม่และการผ่อนปรนทางกฎหมาย บิตคอยน์จึงมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต นโยบายที่เอื้อต่อการลงทุนและการเปิดโอกาสใหม่ ๆ จะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในตลาด และสร้างแรงหนุนให้ราคาบิตคอยน์สูงขึ้น เป็นสินทรัพย์ที่มีบทบาทมากขึ้นในระบบการเงินโลก