เส้นบาง ๆ ของจริยธรรมต่อ “สัตว์” ในอุตสาหกรรมการแพร่ภาพ

แม้ว่ากระแสการวางยาสลบแมว ในละครเรื่อง “แม่หยัว” กระพือขึ้นมาวูบหนึ่ง ฉุดให้เกิดการพูดถึงสวัสดิภาพสัตว์ในกองถ่ายละครหรือภาพยนตร์กันกว้างขวาง ทั้งไถ่ถามถึงบรรทัดฐานจริยธรรมที่ควรกำหนด 

หน่วยงานที่น่าจะดูแลประเด็นนี้ได้ดี คือ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ซึ่งกำกับดูแลอุตสาหกรรมการแพร่ภาพ หรือ “โทรทัศน์” มีคณะอนุกรรมการด้านเนื้อหา ที่คอยกลั่นกรองด้านจริยธรรม และบ้างก็สามารถตัดสินได้ว่า อะไรผิด-ถูกอยู่

คณะอนุฯดังกล่าวได้หารือร่วมกับผู้บริหารช่อง One ซึ่งปล่อยให้มีฉากวางยาสลบแมวออกอากาศ ซึ่งในขั้นต้น ไม่มีข้อสรุปว่าเป็นการทารุณกรรมสัตว์หรือไม่ และควรดำเนินการอย่างไร เพราะยังไม่เคยมีการหยิบยกเรื่องนี้มาพูดอย่างจริงจัง ดังนั้นจึงได้จัดสัมมนา เรื่อง “ดาราสัตว์ในสื่อ นำเสนออย่างไร ไม่ละเมิดจริยธรรม” โดยมีผู้เชี่ยวชาญซึ่งเป็นสัตวแพทย์ ผู้แทนสัตวแพทยสภา ผู้ที่มีประสบการณ์การทำงานในกองถ่ายที่ผลิตเนื้อหาทั้งของไทยและต่างประเทศ นักมานุษยวิทยา และผู้แทนองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนเข้าร่วม เมื่อวันที่ 15 พ.ย. 2567 ที่ผ่านมา

ก่อนจะพูดถึงข้อสรุปและมุมมองที่ได้จากเวทีนี้ ขอหยิบเอาส่วนที่นักมานุษยวิทยา มองความสัมพันธ์ของสื่อทีวี คน และสัตว์ ซึ่งชี้ให้เห็นความสำคัญของเส้นบาง ๆ ของ “จริยธรรม” ของคน/ผู้ชม ต่อสัตว์ที่ถูกนำมาใช้งาน

ในที่นี้ ดาราสัตว์หรือสัตว์ในจอ สำหรับให้รับชม ก็คือ สัตว์ที่ถูกมนุษย์นำมาใช้งานอย่างหนึ่ง เช่นเดียวกับการนำไปเป็นสินค้าบางประการ ความสัมพันธ์ของสัตว์ที่ถูกช่วงใช้ ถูกจัดวางต่างกันไปตามบริบทของวัฒนธรรมและประเภทการใช้งาน ตั้งแต่เพื่อตอบสนองความต้องการพื้นฐานอย่างการเป็นอาหาร ความต้องการทางจิตใจอย่างการเป็นเพื่อน รวมถึงการบูชาสัตว์เพื่อสนองความต้องการทางจิตวิญญาณ

ในเวทีเสวนานี้ ผศ.ดร.จิราพร เหล่าเจริญวงศ์ จากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นักมานุษยวิทยาที่สนใจเรื่องสัตว์และความสัมพันธ์ระหว่างสัตว์กับมนุษย์ ชวนตั้งคำถามว่า ในการกำกับดูแลจริยธรรมของมนุษย์ที่เกี่ยวกับการนำสัตว์มาใช้งาน ใครจะเป็นผู้กำหนดแนวทางและกำกับดูแล เช่น คาเฟ่แมว สัตว์ที่อยู่ในวัดอันเกี่ยวเนื่องกับการทำบุญ หรือสัตว์ในสื่อและวงการบันเทิงเช่นในละครหรือดาราสัตว์ อย่างฮิปโปแคระหมูเด้งที่กำลังเป็นที่นิยมในสื่อสังคมออนไลน์

ADVERTISMENT

“เกิดเส้นจริยธรรมบาง ๆ พื้นที่สินค้ากับพื้นที่ความเป็นสัตว์ เขาต้องมีความเป็นส่วนตัวไหม สวัสดิภาพของเขาเป็นอย่างไร เราไปที่พื้นที่ของเขา แต่เราก็เรียกเขาตลอดเวลา กระทบอะไรเขาไหม”

ประเด็นเหล่านี้ประชาชนเป็นผู้มีอำนาจดูแลตัดสินและขับเคลื่อนที่แท้จริง ทุกคนสามารถตั้งคำถามเกี่ยวกับสวัสดิภาพของสัตว์ได้

ADVERTISMENT

“ควรถามด้วยว่าเราอยากเห็นอะไรในความตายหรือความมีชีวิตของสัตว์ผ่านสื่อต่าง ๆ ทั้งนี้ ประเด็นเรื่องจริยธรรมเป็นประเด็นที่ทุก ๆ คนเข้าถึงได้ และสะท้อนความเป็นไปของสังคมในแต่ละยุคสมัย ไม่ใช่แค่ผู้เชี่ยวชาญเป็นคนบอกเท่านั้น ภาพของสัตว์ที่เราเห็นในสื่อและออกมาถกเถียงกันก็เป็นประเด็นทางจริยธรรมอย่างหนึ่ง”

“เวลามีเรื่องอะไรที ประเด็นก็อาจจะกระพือขึ้นมา เคสใหม่อาจมีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ต่างกัน…สัตว์ที่ไม่น่ารัก หรือเราไม่ค่อยได้เจอ เราจะยังคำนึงถึงสวัสดิภาพของมันไหม”

สะท้อนให้เห็นว่า ความสัมพันธ์ของสัตว์ในจอและนอกจอ หรือสัตว์ในมิติความสัมพันธ์อื่น ๆ ของมนุษย์ล้วนถูกจัดวางอย่างแตกต่าง ซึ่งการจะกำกับดูแล ขึ้นอยู่กับการขับเคลื่อนของคนกลุ่มนั้น ๆ

แล้ว “ดาราสัตว์” ในอุตสาหกรรม หรือวัฒนธรรมสื่อมวลชน ควรจะเป็นอย่างไร

ยังไม่มีมาตรฐานเฉพาะสำหรับสัตว์

นายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี นายกสมาคมสภาวิชาชีพกิจการการแพร่ภาพและการกระจายเสียง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในข้อบังคับของสมาคมสภาวิชาชีพฯ ซึ่งมีมาตั้งแต่ พ.ศ. 2554 ไม่ได้กำหนดเรื่องการใช้สัตว์ในการถ่ายรายการโดยตรง มีเพียงระบุว่าไม่ให้ใช้ความรุนแรงหรือมีการทรมาน ซึ่งในการตีความก็ย่อมหมายรวมถึงสัตว์ด้วย

อย่างไรก็ตาม จะมีการร่างแนวปฏิบัติในเรื่องดังกล่าวขึ้นมาและนำไปรับฟังความคิดเห็นจากทั้งสมาชิกองค์กรวิชาชีพ รวมถึงผู้ให้บริการช่องรายการและผู้ผลิตเนื้อหาในสื่อ ตลอดจนภาควิชาการ ภาคประชาสังคม และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด

“แนวปฏิบัติเรื่องการใช้สัตว์ในรายการ ในละคร ยังไม่เคยมีขึ้น ดังนั้นถือเป็นสิ่งที่เราต้องทำโดยเร่งด่วน เพราะในตอนนี้มีเคสเกิดขึ้นแล้วและไม่อยากให้เกิดซ้ำ” นายชวรงค์กล่าว

“การกำกับดูแลกันเองในทางจริยธรรมจะเกิดไม่ได้ถ้าประชาชนและภาคประชาสังคมไม่ตื่นตัว เพราะไม่ใช่เรื่องที่ใช้กฎหมายในการบังคับ ก็ขอบคุณความตื่นตัวในสังคมที่ทำให้เราได้มาคุยกันในวันนี้” นายกสมาคมสภาวิชาชีพกิจการการแพร่ภาพและการกระจายเสียง (ประเทศไทย) กล่าว

มุมมองอื่น ๆ ควรกำกับดูแลเช่นไร

ศ.กิตติคุณ ดร.พิรงรอง รามสูต กสทช.ด้านกิจการโทรทัศน์ กล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างคนกับสัตว์มีความสำคัญในสังคมไทย การกระทำที่กระทบสวัสดิภาพสัตว์จึงเป็นประเด็นที่มีความอ่อนไหวสูง ซึ่งสื่อมวลชนควรจะต้องให้คุณค่ากับเรื่องนี้ในการผลิตและนำเสนอเนื้อหา

“กสทช.ไม่ได้มีหน้าที่แค่ลงโทษหรือไปทำอะไรตามแรงกดดันของสังคม แต่เรามองว่าทุกเรื่องเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้สื่อและสังคมสามารถเรียนรู้ได้มากขึ้น” ศ.กิตติคุณ ดร.พิรงรองกล่าวและเสริมว่า มีการพูดคุยกับวิทยากรเพื่อมาทำงานร่วมกับองค์กรวิชาชีพและ กสทช.ในการสร้างแนวปฏิบัติที่ดีสำหรับการนำดาราสัตว์มาออกสื่อ หรือกระบวนการผลิตเนื้อหาต่าง ๆ ที่คำนึงถึงสวัสดิภาพของสัตว์

รศ.นสพ.ดร.สุดสรร ศิริไวทยพงศ์ จากคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การใช้สัตว์ในกองถ่าย ไม่ใช่แค่สุนัขและแมวเท่านั้น แต่รวมถึงสัตว์ทุกชนิด เช่น ช้าง โค กระบือ และงู แม้จะไม่มีการทรมานสัตว์ ก็ต้องมีการดูแลสวัสดิภาพของสัตว์ให้ดี เพราะการกระทำทุกอย่างแม้เพียงการออกจากบ้านหรือพื้นที่ที่สัตว์คุ้นเคยก็สามารถก่อให้เกิดความเครียดและมีผลต่อกระบวนการทำงานของร่างกายสัตว์ได้

“สัตว์ทุกชนิดที่ไปเข้าฉาก ต้องตรวจร่างกายก่อนให้แน่ใจว่ามีสุขภาพแข็งแรง การขนส่งและการเดินทางเหมาะสม เมื่อถึงสถานที่ถ่ายทำ มีที่ให้เขาพักให้เหมาะสมแค่ไหน” รศ.นสพ.ดร.สุดสรรกล่าว

นอกจากนี้ การให้ยาต่าง ๆ กับสัตว์ที่มีผลต่อสรีรวิทยาของร่างกายถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่มีกฎหมายควบคุม และต้องทำโดยสัตวแพทย์หรือในการดูแลของสัตวแพทย์เท่านั้น เช่น ก่อนให้ยาสลบแก่สัตว์ ต้องมีการตรวจร่างกายให้แน่ใจว่ามีความพร้อม เพราะเมื่อได้รับยาสลบ หูรูดต่าง ๆ จะคลาย หูรูดทางเดินอาหารและทางเดินหายใจอยู่ใกล้กัน มีความเสี่ยงที่จะเกิดการสำรอก สำลักและเกิดการปิดกั้นทางเดินหายใจของสัตว์ได้

ดังนั้นผู้ผลิตละครจึงควรนึกถึงทางเลือกต่าง ๆ ที่สร้างสรรค์ในการถ่ายทำ เช่น ใช้การตัดต่อที่ไม่ต้องกระทบกระเทือนต่อสัตว์โดยไม่จำเป็น รศ.นสพ.ดร.สุดสรรกล่าว

นางสาวษมาวีร์ พุ่มม่วง ทีมงานกองถ่ายภาพยนตร์ต่างประเทศที่ถ่ายทำในประเทศไทย โปรดิวเซอร์ภาพยนตร์อิสระ เจ้าของเพจ “วันละภาพ” กล่าวว่า การทำงานกับกองถ่ายทำภาพยนตร์ของต่างประเทศและของไทยมีบริบทที่ยังค่อนข้างแตกต่างกันในหลายด้านด้วยกัน รวมถึงกฎระเบียบวิธีปฏิบัติและงบประมาณ

ในกองถ่ายภาพยนตร์ต่างประเทศหากต้องมีสัตว์มาเข้าฉากจะมีผู้ทำงานในตำแหน่ง animal wrangler ซึ่งต้องมีใบประกอบวิชาชีพเข้าร่วมปฏิบัติงานด้วย โดยจะได้รับการอบรมให้เชี่ยวชาญในการดูแลและฝึกสอนสัตว์ที่ต้องทำการแสดงอย่างใกล้ชิด และมีความละเอียดอ่อนมาก

สำหรับภาพยนตร์จากประเทศสหรัฐอเมริกาจะมีหน่วยงานไม่แสวงหาผลกำไร (NGO) เช่น American Humane Association เข้ามามีส่วนร่วมสังเกตการณ์ ประเมินความเสี่ยง ดูแลและตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อความปลอดภัยและสวัสดิภาพของสัตว์นั้น ๆ

“ในกองถ่าย (ของไทย) ก็เคยมีการพูดคุยกันมานานว่าทุกสิ่งมีชีวิต แรงงานผู้ใหญ่ แรงงานเด็ก แรงงานสัตว์ ควรถูกยกระดับมาตรฐานชีวิตในการทำงาน อันที่จริงบ้านเราก็มีกฎหมายคุ้มครองอยู่แล้ว แต่ขาดการตรวจสอบ ดูแล บังคับใช้ จึงเหมือนกับยังลอย ๆ อยู่ ขาดหน่วยงานกลางที่จะมากำกับดูแลอุตสาหกรรมสร้างสรรค์”

ว่าที่ ร.ต.หญิง สพญ.ดร.วัชรี โซ่วิจิตร กรรมการสัตวแพทยสภา กล่าวว่า สัตวแพทยสภามีบทบาทหน้าที่ในการกำกับดูแลการปฏิบัติงานของสัตวแพทย์ ซึ่งในอนาคต สัตวแพทยสภาอาจจัดคอร์สสำหรับสัตวแพทย์ที่จะมาเป็นผู้ดูแลการถ่ายทำในกองถ่าย เพื่อสนับสนุนความเป็นวิชาชีพ อันจะส่งผลให้ผู้ชมได้รับความบันเทิงพร้อม ๆ กับความปลอดภัยของสัตว์ที่ใช้ในการถ่ายทำด้วย

อย่างไรก็ตาม ว่าที่ ร.ต.หญิง สพญ.ดร.วัชรี กล่าวถึงความกังวลเกี่ยวกับปัญหาในการใช้สัตว์ในอุตสาหกรรมสื่อของไทยที่ยังอาจถูกละเลยอยู่ในหลายส่วน

“สิ่งที่น่ากลัวคือภาพจำที่จำได้ เช่น ภาพที่ปูถูกมัดเชือกอยู่ในตะกร้า (ระหว่างออกรายการโทรทัศน์) จระเข้ถูกมัดเอาขาไขว้หลัง เราเห็นเป็นธรรมดาแต่ไม่ได้นึกว่ามันจะเป็นอันตรายต่อสัตว์ การปรากฏภาพซ้ำ ๆ ประชาชนจะรู้สึกเคยชินโดยไม่เอะใจใด ๆ เช่น การเอาสัตว์ exotic มาโยนใส่คนที่กลัวเป็นการแกล้งกันในรายการตลก ในฐานะสัตวแพทย์ เรารู้สึกค่อนข้างทรมานจิตใจมาก ๆ ที่เห็นแบบนั้น เหมือนโยนเด็กเล็ก ๆ คนนึงใส่กันแล้ว (เด็ก) ตกลงไปที่พื้น”