พลิก “ดีอี” สู่กระทรวงเกรดเอ เพิ่มอำนาจไล่ล่าภัยไซเบอร์ ต้อน “พนันออนไลน์” เข้าระบบ

DE
ประเสริฐ จันทรรวงทอง

บทบาทของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กำลังทวีความสำคัญมากขึ้นในฐานะหนึ่งในกระทรวงเศรษฐกิจหลักของโลกยุคใหม่ โดยเร่งทรานส์ฟอร์มหน่วยงานภาครัฐเข้าสู่คลาวด์ตามนโยบาย Cloud First Policy รวมไปถึงการเร่งปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์มิจฉาชีพออนไลน์ทั้งหลาย กับความตั้งใจล่าสุดที่ใหญ่ไม่แพ้เรื่องไหน ๆ นั่นก็คือ ความพยายามในการแก้ปัญหา “พนันออนไลน์” ที่อยู่ใต้ดินให้มาอยู่บนดิน ซึ่ง “ประเสริฐ จันทรรวงทอง” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี บอกว่าเป็นอีกจุดโฟกัสที่จะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงภายในไตรมาสแรกของปี 2568

รองนายกฯ “ประเสริฐ” ยังเล่าถึงความมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้กระทรวงดีอีมีบทบาทสำคัญในฐานะกระทรวงเศรษฐกิจเกรดเอ โดยที่ผ่านมาการผลักดันนโยบายคลาวด์เฟิรสต์นับได้ว่ามีความก้าวหน้าไปมาก ทำให้มีการเบิกจ่ายและใช้งานคลาวด์ ทั้งคลาวด์กลางภาครัฐและคลาวด์สาธารณะ เอื้อให้เกิดบริการพื้นฐานด้านดิจิทัลมากขึ้น

ลบภาพกระทรวงเกรดซี

“ประเสริฐ” กล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้ใคร ๆ ก็มองว่ากระทรวงดีอีเป็นกระทรวงเกรดซี ไม่ได้สำคัญอะไรมากนัก แต่ตอนนี้จะเห็นว่าดีอีได้เข้าไปมีส่วนร่วมกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจจำนวนมาก ตั้งแต่ตนเข้ามาบริหารในช่วง 2 ปีนี้ มีงบประมาณเพิ่มขึ้นจาก 5-6 พันล้านบาท ไปเป็น 9 พันล้านบาท ในปีงบประมาณ 2568 และในปีงบประมาณ 2569 จะเพิ่มขึ้นไปถึง 1.2 หมื่นล้านบาท เพื่อให้สอดรับกับความต้องการในการเพิ่มประสิทธิภาพ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล

และในช่วงต้นปี 2568 นี้ งานสำคัญที่อยากโฟกัส คือ การผลักดันร่างกฎหมายลำดับรอง เกี่ยวกับการทำให้พนันออนไลน์ขึ้นมาอยู่ “บนดิน” ซึ่งจะทำให้เงินนอกระบบราว 3 ล้านล้านบาท หรือเกือบเท่างบประมาณแผ่นดินทั้งปี กลับเข้ามาอยู่ในระบบเศรษฐกิจ โดยในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ล่าสุด (13 ม.ค. 2568) กระทรวงดีอีได้ทำข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการแก้ปัญหาการทุจริตการพนันออนไลน์ที่กำลังแพร่ระบาด สร้างปัญหาทางสังคม และเศรษฐกิจอยู่ในขณะนี้อย่างมีนัยสำคัญ

“พูดง่าย ๆ ก็คือ หนึ่งเอาใต้ดินขึ้นบนดิน และสองปัจจุบันมีเงินที่อยู่ใต้ดินเป็นจำนวนมาก ซึ่งผิดกฎหมาย ก็อยากทำให้ถูกกฎหมาย ซึ่งมติ ครม.เห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงดีอี โดยให้กระทรวงดีอีไปทำงานร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และสำนักงานกฤษฎีกาเพื่อออกกฎหมายลำดับรองอย่างพระราชกฤษฎีกา หรือกฎกระทรวง ที่ต้องร่วมกับมหาดไทย เพราะมหาดไทยถือ พ.ร.บ.การพนัน ที่กำหนดเกี่ยวกับการละเล่นพนันรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งเป็นการเล่นเชิงกายภาพ คือ มีสถานที่และมีกิจกรรม แต่การพนันที่เราเสนอไปเป็นรูปแบบของดิจิทัล ไม่มีสถานที่ ยกตัวอย่างที่เห็นในเว็บทุกวันนี้ พวกพนันบอลยูโรที่ปิดเว็บไปเป็นจำนวนมาก ก็ให้มาทำอย่างถูกต้อง”

และว่าที่ผ่านมา กระทรวงดีอีเดินหน้าปิดกั้นและบล็อกเว็บไซต์เถื่อนอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่ทันไรก็มีการเปิดเว็บพนันขึ้นมาใหม่ ดังนั้นหากสามารถจัดการให้มีการขออนุญาต และควบคุม ควบคู่ไปกับการปิดกั้นได้จะช่วยให้สอดส่องดูแลได้ง่ายขึ้น และยังเข้าไปจัดการเงินใต้ดินที่เกี่ยวข้องกับการพนันให้ถูกกฎหมายได้อีก ดังนั้นการออกกฎหมายจะมุ่งเป้าไปที่การพนันออนไลน์รูปแบบดิจิทัล เพื่อควบคุมและจัดการอย่างถูกต้อง

ADVERTISMENT

“การแก้ไขกฎหมายลำดับรอง อาจทำในรูปแบบกฎกระทรวง ซึ่งสามารถออกประกาศใช้เองในการควบคุมและอนุญาตการพนันออนไลน์ได้ โดยที่ไม่ต้องผ่านสภา ดังนั้นจึงคาดว่าจะทำได้เร็วมาก มีเป้าหมายให้เสร็จสิ้นภายใน 1 เดือน แล้วประกาศในราชกิจจานุเบกษามีผลได้ทันที”

ขยายอำนาจผ่าน พ.ร.ก.ไซเบอร์

อีกส่วนที่ค้างคามากว่าครึ่งปี คือ การแก้ไข เพิ่มเติม พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ที่ต้องการเพิ่มความรับผิดชอบให้กับ “สถาบันการเงินและค่ายมือถือ” ให้มีส่วนชดใช้ หากปล่อยปละให้เกิดอาชญากรรมไซเบอร์และคาดว่าจะเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. และประกาศใช้ภายในเดือน ม.ค.นี้

ADVERTISMENT

“พ.ร.ก.นี้เข้าสู่วาระ ครม.แล้ว แต่ถอดออกไปก่อน เนื่องจากมีผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายยังมองว่าด้วยเนื้อหาและอำนาจ ควรตราเป็นพระราชบัญญัติ หรือกฎหมายแม่หรือไม่ เพราะอาจไม่ใช่เหตุเร่งด่วนที่จะใช้การตราด้วยพระราชกำหนด แต่ผมก็ได้มีการชี้แจงและยืนยันไปว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วน และสร้างความเสียหายกับประชาชนเป็นวงกว้าง จึงต้องให้เป็น พ.ร.ก.นี้ผ่าน ทุกฝ่ายรวมถึงนายกฯก็เห็นด้วย จึงจะให้มีการนำเข้า ครม.อีกครั้งปลายเดือน ม.ค.นี้”

โดยการเพิ่มเติมกฎหมายจะมี 11 มาตรา ประเด็นสำคัญ คือ การมีส่วนร่วมรับผิดชอบของธนาคารและค่ายมือถือ เพราะก่อนหน้านี้ การจะบังคับให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อสืบสวนอาชญากรรมทำได้ยาก ซึ่งการแก้ไขส่วนหนึ่งเพื่อให้มีกฎหมายบังคับแลกเปลี่ยนข้อมูล รวมถึงกำกับธุรกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลและคริปโตเคอร์เรนซี ที่มีความเสี่ยง ตลอดจนข้อมูลจากค่ายมือถือได้ด้วย จะทำให้กระทรวงดีอีเข้าถึงข้อมูล และมีบทบาทที่สำคัญยิ่งกว่าการใช้ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

ลุยคุมซอฟต์แวร์มือถือ

“ประเสริฐ” กล่าวถึงกรณีล่าสุด ที่ผู้ผลิตอุปกรณ์มีการฝังแอปพลิเคชั่นเงินกู้เข้ามาในสมาร์ทโฟน OPPO และ realme ซึ่งเป็นกรณีที่ใหม่ และยังไม่มีกฎหมายใดเข้าไปดูแลได้ เพราะตัวอุปกรณ์ทางสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มีหน้าที่ดูเรื่องคลื่นที่อุปกรณ์นั้น ๆ ใช้ ดังนั้นตอนนี้ความผิดที่อาจเกิดขึ้นจึงเป็นเรื่องการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งาน ซึ่งทางสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPC) ภายใต้กระทรวงดีอี กำลังสอบสวนอยู่

อย่างไรก็ตาม ตัวแอปพลิเคชั่นหรือซอฟต์แวร์ที่เข้ามาติดตั้ง ไม่มีใครเข้าไปดูแล ในเบื้องต้นตนจึงได้ให้สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ETDA หาแนวทางว่าจะสามารถกำกับซอฟต์แวร์บนอุปกรณ์อย่างไรได้บ้าง และในปลายเดือน ม.ค.นี้จะมีการหารือร่วมกันว่าจะมีหลักเกณฑ์ หรือให้มีกฎหมายรอง เพื่อให้สามารถเข้าไปตรวจสอบดูแลเรื่องของซอฟต์แวร์ในระบบปฏิบัติการมือถือได้

“แอปพลิเคชั่นต้องได้รับการอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อทำให้ถูกต้องก่อน และจะต้องมีการตรวจสอบมือถือรุ่นอื่น ๆ ที่มีการวางขายด้วย”