
หลายปีมานี้ “เลอโนโว” (Lenovo) ชูความโดดเด่นของโปรดักต์ “Pocket to Cloud” จากผู้ผลิตอุปกรณ์ตั้งแต่ชิ้นเล็ก ๆ เพื่อผู้ใช้งานทั่วไป ไปจนถึงองค์ประกอบของโครงสร้างศูนย์ข้อมูล-คลาวด์-เอดจ์คอมพิวติ้งกับการเดินหน้าสู่ผู้เล่นด้านดิจิทัลโซลูชั่นเพื่อองค์กรธุรกิจที่เติบโตได้ดีในระดับ 3 ดิจิต
พร้อมปล่อยกู้ “ดิจิทัลโซลูชั่น”
“วรพจน์ ถาวรวรรณ” ผู้จัดการทั่วไปประจำไทย และภูมิภาคอินโดจีน เลอโนโว กล่าวว่า ธุรกิจของเลอโนโวแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ 1.Intelligence Devices Group (IDG) หน่วยธุรกิจคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และอุปกรณ์อัจฉริยะ ธุรกิจสมาร์ทโฟน
2.Infrastructure Solutions Group (ISG) บริการดาต้าเซ็นเตอร์หรือโซลูชั่นโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงโครงสร้างคลาวด์และเอดจ์ การวิเคราะห์และปัญญาประดิษฐ์ และ 3.Solutions Services Group (SSG) ที่รวบรวมโซลูชั่น และบริการด้านไอทีในพีซี โครงสร้างพื้นฐาน เพื่อให้บริการธุรกิจแนวดิ่งแบบ As-a-Service
“แม้กลุ่มสินค้าคอนซูเมอร์จาก IDG จะยังเป็นธุรกิจหลักกว่า 46% ส่วน ISG และ SSG มีสัดส่วนเท่า ๆ กัน แต่ SSG มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี เรียกว่าโตระดับ 3 หลัก ซึ่งในช่วงเริ่มต้นที่ SSG ให้บริการคอมพิวเตอร์ในองค์กร (as a services) ก็ได้รับความนิยมจนขยายไปทำโซลูชั่นอื่น ๆ อีกมากขึ้น ปีนี้เราจะทำอะไรที่ใหญ่ขึ้น โดยโซลูชั่นที่จะเข้าไปทำต้องมีความสำคัญต่อการเติบโตหรือผลประกอบการของลูกค้า”
และในเดือน ธ.ค. 2567 ที่ผ่านมา บริษัทเพิ่งได้รับใบอนุญาตให้ออกสินเชื่อเพื่อธุรกิจที่ต้องการใช้โซลูชั่น โดยมีเพดานเงินกู้ไม่จำกัด แม้แต่ระดับพันล้านบาทก็ได้ ขึ้นกับว่าโปรเจ็กต์มีศักยภาพที่จะเดินไปด้วยกันขนาดไหน
“ภาพจำของ เลอโนโว คือผู้ผลิตสินค้าไอที แต่วันนี้เราอยากบอกว่า เราพร้อมมาก ๆ ที่จะเข้าไปเป็นส่วนสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนธุรกิจและองค์กร ที่สามารถเติบโตไปกับพวกเขาได้”
ความท้าทายในวันนี้ คือ เมื่อต้องก้าวขามาทำธุรกิจโซลูชั่นมากขึ้น การลงทุนมหาศาลจะอยู่ที่ “พนักงาน” ที่จะต้องมีสกิลเซตใหม่ในการประสานทุกอย่างที่มีครบให้ออกมาเป็นบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าแต่ละรายมากที่สุด
สำหรับรายได้ของเลอโนโว ทั่วโลก กลุ่ม IDG โต 17% ISG โต 65% ส่วน SSG โต 13% ในขณะที่ของประเทศไทยสลับกัน คือ SSG โตระดับสามดิจิตได้จึงมีโอกาสอีกมาก
แนวโน้มการลงทุนปี 2025
ในส่วนของ ISG เองก็ยังเป็นเทรนด์การลงทุนระดับโลก ที่ทั้งดาต้าเซ็นเตอร์และองค์กรต่าง ๆ มีความต้องการฮาร์ดแวร์มากขึ้น ส่วนที่จะเน้น คือ ไม่ได้มีฮาร์ดแวร์เฉพาะดาต้าเซ็นเตอร์ใหญ่แบบคลาวด์ระดับไฮเปอร์สเกลเท่านั้น แต่มีทั้งเซิร์ฟเวอร์ On Premise และที่จะเป็นกระแสมาก ๆ ในปี 2025 นี้ คือ Edge Computing ที่จะตอบสนองการทำงานของภาคธุรกิจได้ดีกว่า
“ผมยกตัวอย่างการติดตามป้ายทะเบียนบนถนน เดิมเราใช้กล้องเซ็นเซอร์เพื่อจับภาพ แล้วส่งข้อมูลขึ้นคลาวด์ เพื่อระบุตัวตนของคนขับรถ แต่บางพื้นที่รถขับเร็วมาก กว่าจะประมวลผลให้ตำรวจไปตาม ตำแหน่งก็เปลี่ยนแล้ว ทุกวันนี้จึงใช้ เอดจ์ ประมวลผลในตำแหน่งใกล้ ๆ ไม่ต้องขึ้นคลาวด์ ทำให้ทำงานได้เรียลไทม์กว่า”
จุดพลุ Agentic AI
สำหรับผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม IDG ในปี 2025 คงหนีไม่พ้นอุปกรณ์ที่มีเอไอ มี NPU สำหรับประมวลผลเฉพาะอุปกรณ์ ซึ่ง เลอโนโว ได้จัดโชว์ไปแล้วที่งาน CES 2025 ที่ผ่านมา โดยเน้นย้ำว่าข้อมูลผู้ใช้ในอุปกรณ์เลอโนโว ไม่ว่าพีซี แท็บเลต หรืออื่น ๆ จะไม่ส่งออกไปประมวลผลภายนอก
กลุ่มธุรกิจ IDG มีมาร์เก็ตแชร์ 21% เติบโตจากปีก่อนราว 3% มีเป้าหมายในการจะรักษาการเติบโตไปเรื่อย ๆ
สำหรับแนวโน้มสำคัญของอุปกรณ์เอไอในปี 2025 คือ Agentic AI ซึ่งไม่ใช่แค่ตัวของเอไอที่ทำงานได้อัตโนมัติมากขึ้น ตัวอุปกรณ์เองก็มีส่วนสำคัญที่จะเป็นเพื่อนช่วยทำงาน
“เช่น วันนี้รถอีวีของผมเอง ก็กลายเป็นเอเย่นต์เอไออย่างหนึ่ง มันจดจำใบหน้าผมในฐานะผู้ใช้ เก็บข้อมูลการขับขี่แล้วก็แสดงผลออกมาว่าพลังงานที่เหลือขับได้ไกลเท่าไหร่ แต่ในรถคันเดียวกันหากมีคนอื่นขับ ระยะทางที่บอกก็จะไม่ตรงกัน เพราะพฤติกรรมการขับขี่ไม่เหมือนกัน เช่นเดียวกับคอมพีซีที่จะเริ่มตอบสนองกับผู้ใช้เฉพาะรายมากขึ้น ตามข้อมูลและพฤติกรรมที่เราใช้”
9 เทคโนโลยีสำหรับธุรกิจ
“วรพจน์” ยังสรุปเทรนด์เทคโนโลยีในปี 2025 สำหรับธุรกิจว่า จะเน้นการประยุกต์ใช้ AI, การจัดการข้อมูล, คลาวด์, ความปลอดภัยไซเบอร์ และความยั่งยืน เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในยุคดิจิทัล
ประกอบด้วย 1.โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLMs) เฉพาะทางช่วยเพิ่มความแม่นยำและสร้างนวัตกรรมให้ธุรกิจ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก การวางแผนทรัพยากรบุคคล และการพัฒนาการทำงานในแต่ละอุตสาหกรรม
2.การลงทุนใน AI เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกจะเห็นการเติบโตต่อเนื่อง คาดการณ์ว่ามูลค่าการลงทุนจะสูงถึง 1.1 แสนล้านเหรียญสหรัฐในปี 2028 โดยเลอโนโวพัฒนา AI PCs และโซลูชั่น Hybrid AI เพื่อรองรับแนวโน้มนี้
3.Agentic AI มีบทบาทมากขึ้น เปลี่ยนบทบาทเป็นเพื่อนร่วมงาน ช่วยจัดการงานประจำวัน และสร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคลผ่านเทคโนโลยี Digital Twins เช่น การช็อปปิ้งหรือการแปลภาษา
4.ความต้องการโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการทำงานของ AI ที่ธุรกิจจะตัดสินลงทุนในเซิร์ฟเวอร์และระบบที่รองรับการใช้งาน AI ที่ช่วยลดพื้นที่การจัดเก็บและความจำ ยังผลให้การสื่อสารระหว่างเซิร์ฟเวอร์เป็นระบบ และสามารถปรับแต่งการจัดเก็บข้อมูลได้ตามต้องการ
“เลอโนโวคาดว่าในปี 2025 จะมีความต้องการใช้งานคลาวด์เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะคลาวด์โซลูชั่นที่เกี่ยวกับ AI เช่น การวิเคราะห์และคาดการณ์ ออโตเมชั่น และการพัฒนาประสบการณ์ของลูกค้า แต่การเปลี่ยนโซลูชั่นโครงสร้างของระบบเก็บข้อมูลมีความซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายที่สูง จึงต้องหาโซลูชั่นที่คิดค่าใช้จ่ายตามใช้จริง”
5.ระบบ Multi-Cloud ตอบโจทย์การบริหารความเสี่ยง
6.มีการลงทุนใน Edge Computing เพิ่มขึ้น ราว 25% ในปี 2025 เพื่อเสริมการประมวลผลข้อมูลแบบเรียลไทม์ ลดความหน่วง และรองรับข้อมูลขนาดใหญ่
7.ความปลอดภัยไซเบอร์ จะสำคัญตามมาจากการทำงานบนคลาวด์มากขึ้น รวมถึงข้อกฎหมายต่าง ๆ ที่เข้มงวดขึ้น ธุรกิจจะเพิ่มการลงทุนในเทคโนโลยีป้องกันข้อมูล เพื่อรับมือกับกฎหมายและความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น
8.การเติบโตของธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์
ดาต้าเซ็นเตอร์ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกจะขยายตัวเพื่อตอบสนองความต้องการใช้ AI และการบริโภคข้อมูลที่เพิ่มขึ้น
9.ความยั่งยืนในดาต้าเซ็นเตอร์
ธุรกิจจะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ลดคาร์บอนฟุตพรินต์ เช่น เทคโนโลยีความเย็นและวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม