DeepSeek เปิดสมรภูมิ ‘สงครามราคา’ เอไอต้นทุนต่ำ

แอป DeepSeek AI ยอดดาวน์โหลดแซงหน้า ChatGPT จุดประเด็นสงครามราคา เมื่อเอไอต้นทุนถูก ใช้ฟรี และเป็นโอเพ่นซอร์ซ ใช้งานได้ลึกและกว้างกว่าแบบจ่ายเงิน ฉุดราคาหุ้นเทคสหรัฐร่วงกราว

กลับมาเป็นที่ฮือฮาอีกครั้งเมื่อ DeepSeek บริษัทปัญญาประดิษฐ์ของจีนได้อัพเดตเวอร์ชั่น Generative AI ของตน เป็น Deepseek v.3 ส่งผลให้แอปพลิเคชั่นมีการดาวน์โหลดสูงสุดอันดับหนึ่งในอเมริกา แซงหน้าเอไอยอดฮิตอย่าง ChatGPT

Deepseek เป็นสตาร์ตอัพจีนที่พัฒนาโมเดลภาษาบนฐานของโมเดล Lama ของ META (facebook) ซึ่งสร้างเป็นแหล่ง Opensorce ที่เปิดกว้างให้นักพัฒนาเข้าถึงแหล่งทรัพยากรสำคัญ

โดยเมื่อกลางปี 2024 ทาง Deepseek ก็เริ่มให้ใช้งาน Chatbot ได้แล้ว และในเวอร์ชั่นอัพเดตรุ่นที่ 2 ผลการทดสอบ ปรากฏว่าใกล้เคียงโมเดล GPT4 turbo และ Llama 3 และในเวอร์ชั่น Deepseek 2.5 ก็เบียดแซง GPT4 ในขณะที่ deepseek เป็นโอเพ่นซอร์ซที่เปิดกว้างให้ใครที่สนใจมาร่วมพัฒนาอัพเดตมีการใช้โมเดล Deepseek R1 ซึ่งเป็นกระบวนการให้เหตุผลโดยละเอียด เวลาเราถามเอไอแล้วกดที่ Deepthink เจ้า Deekseek จะเขียน “พรรณนา” วิธีการคิดอย่างเป็นเหตุผลเพื่อแสดงคำตอบ

การโต้ตอบลักษณะนี้มีโมเดลเอไออื่น ๆ นั้น ผู้ใช้อย่างเรา ๆ ต้อง “จ่ายเพิ่ม” ขณะที่เจ้า Deepseek ใช้ได้ฟรี ด้วยโมเดลมีขนาดเล็กเพียง 1.5B แต่ความสามารถสูงกว่าโมเดล GPT OpenAI o1-mini และทาง Deepseek ระบุว่าใช้เงิน 5.6 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้นในการเทรนโมเดลนี้

ขณะที่เจ้าอื่นอย่าง Chat GPT, Germini และอื่น ๆ ซึ่งเป็นระบบปิดนั้นใช้เงินมากกว่าร้อยล้านเหรียญสหรัฐในการเทรนโมเดลเหตุผลเสมือนมนุษย์ของเอไอ

ADVERTISMENT

จุดปะทะ เอไอราคาถูก

Deepseek ทำให้บริษัทเทคทั้งซิลิคอนวัลเลย์ประหลาดใจ ว่าสตาร์ตอัพเล็ก ๆ เช่นนี้ สร้างเอไอเทียบเท่ากับคู่แข่งยักษ์ แม้จะใช้ชิปประมวลผลที่ด้อยกว่า อย่างไร

The wall street journal รายงานว่า โมเดล AI จาก DeepSeek ติด 10 อันดับแรกของโลกในด้านประสิทธิภาพการประมวลผล

ADVERTISMENT

ปรากฏการณ์ Deepseek กลายเป็น Talk of the world ว่าพวกเขาทำเอไอด้วยเงินแค่นี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่ หากเป็นจริงหมายความว่าจะเป็นประโยชน์ยิ่ง เพราะทำให้เห็นว่าบริษัทขนาดเล็กสามารถฝึกฝนโมเดลใหม่ ๆ ได้เร็วและใช้เงินน้อยลง

เหนือสิ่งอื่นใดคือ การเทรนโมเดล AI แบบโอเพ่นซอร์ซสามารถแซงหน้าโมเดลแบบปิดได้แล้ว ทั้งในแง่ของประสิทธิภาพเงินทุนและเทคโนโลยี

โมเดล Deepseek ใช้ชิปประมวลผล DeepSeek ระบุว่า ใช้ชิป NVIDIA 2,000 ใบ (รุ่นเก่าก่อนมีการห้ามส่งออกจากสหรัฐ) ที่จะมีในการเทรนโมเดลเวอร์ชั่น 3 ในขณะที่โมเดลของรายอื่นในตลาดใช้ชิปนับหมื่นชิ้นสำหรับโมเดลที่มีขนาดใกล้เคียงกัน

ในทางกลับกัน Deepseek ได้เขย่านโยบายกีดกันชิปของสหรัฐที่ไม่ต้องการให้บริษัทจีนเข้าถึงเทคโนโลยีสำหรับพัฒนาเอไอ แต่กลับมีของ “ฟรี” และประสิทธิภาพใกล้เคียงกันเกิดขึ้น ทำให้กลายเป็น “สงครามราคา” ครั้งใหม่เพื่อดึงดูดการใช้งาน

ลองนึกภาพว่า หากเอไอความสามารถใกล้เคียงกัน อันหนึ่งใช้ฟรี อันหนึ่งจ่ายเงินกว่า 20 เหรียญสหรัฐ เราจะเลือกอะไร ?

อนึ่ง หลังลงทุนไปกว่าหมื่นล้านเหรียญสหรัฐ บิ๊กเทคอย่าง Microsoft หรือ Google เพิ่งจะมีโมเดลคิดเงินจาก Generative AI ได้ไม่ทันข้ามปี จะต้องมาลดราคาเอไอแข่งกับจีนหรือไม่ ก็เป็นสิ่งที่น่าจับตามองต่อไป

ความกังวลในด้านธุรกิจ สะท้อนรับกับการเพิ่มขึ้นของผู้ใช้ และการดาวน์โหลด Deepseek ที่ได้กดดันหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในดัชนี Nasdaq ทันที

โดยดัชนี Nasdaq Fut -2%
Nvidia -5%
Tesla -3%
Microsoft -2%
Google -2%

นอกจากนี้ ยังมีความกังวลเรื่องความมั่นคงเกิดขึ้น เมื่อ The wall street journal รายงานด้วยว่า ผู้ใช้โมเดล DeepSeek V3 ในเดือนธันวาคม 2024 ได้สังเกตว่าโมเดลเอไอปฏิเสธที่จะตอบคำถามทางการเมืองที่ละเอียดอ่อนเกี่ยวกับจีนและผู้นำสี จิ้นผิง

ในบางกรณี คำตอบของเอไอสอดคล้องกับการโฆษณาชวนเชื่อทางการของปักกิ่ง แทนที่จะรวมถึงมุมมองของนักวิจารณ์รัฐบาล ตามที่ ChatGPT ทำ