
NT ขานรับมาตรการปราบอาชญากรรมเทคโนโลยี เดินหน้าระบบยืนยันตน ทยอยตัดสายไฟเบอร์ออปติกที่มีความเสี่ยงตามชายแดนแล้ว สูญรายได้เดือนละล้านกว่าบาท
พ.อ.สรรพชัยย์ หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT เปิดเผยว่า NT พร้อมดำเนินการตาม พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ที่คาดว่าจะบังคับใช้ในเดือน ก.พ. 2568 นี้
“เดิมที สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มีมาตรการป้องกันปราบซิม เสา สาย อยู่แล้ว ล่าสุดมีการจำกัดการถือครองซิมต่างชาติ การลงทะเบียนยืนยันตัวตนผู้ถือครองซิม 6 เลขหมายขึ้นไป และการยืนยันตนแบบใหม่ด้วยไบโอเมตริกซ์กำลังเกิดขึ้น”
นอกจากนี้ NT ได้ทยอยตัดสายไฟเบอร์ออปติก หรือสายเน็ต ที่การใช้งานที่ต้องสงสัยบริเวณชายแดน (การให้บริการข้ามพรมแดนสามารถขออนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมายได้) การลากสายไปยังบ้านร้าง ตึกอาคารแปลก และเป็นที่อยู่ที่มีความเสี่ยงภายในประเทศ หรือลากสายข้ามแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้านโดยไม่ได้รับอนุญาต ที่อาจนำไปให้ทางแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้งาน
“ในส่วนนี้กระทบกับรายได้เดือนละล้านกว่าบาท แต่จำต้องทำ เพราะเราก็ไม่อยากเข้าไปพัวพันกับความเสี่ยงต่าง ๆ และเพื่อเป็นการช่วยแก้ปัญหาของประเทศและความเดือดร้อนของประชาชนก็ยินดีดำเนินการ”
ขณะเดียวกัน ก็ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบลูกค้าที่มาเปิดใช้งานซิมมือถือ และ อินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ ด้วยการตรวจสอบหลักฐานต่าง ๆ อย่างเข้มงวดมากยิ่งขึ้น
“ได้ประสานสั่งการไปยังสาขาบริการลูกค้าต่าง ๆ ทั่วประเทศ ให้มีความเข้มงวดเรื่องการเปิดซิมการ์ดใหม่ ต้องมีความเข้มงวดมากขึ้น ตามกฎระเบียบของ กสทช.และคงไม่ต้องสำรองเงินสำหรับจ่ายให้ผู้ร้องเรียนกรณีลูกค้าถูกมิจฉาชีพหลอกลวงเงิน ซึ่งขณะนี้ลูกค้าเอ็นทีอยู่ที่ 2 ล้านราย อย่างไรก็ตามอยากเสนอแนะให้ภาครัฐ มีมาตรการหรือเข้มงวดในเรื่องการเปิดบัญชีธนาคารด้วย เนื่องจากปัจจุบัน ไม่ได้มีการกำจัดจำนวนบัญชี ซึ่งทำให้บางคนมีบัญชีธนาคารเป็นร้อยบัญชี ซึ่งก็อาจนำไปสู่การนำไปใช้เป็นบัญชีม้าได้”