
มังกรจีนเป็นประเทศที่ไม่หยุดพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ทุกก้าวที่ขยับไปต้องมีอะไรมาเซอร์ไพรส์ชาวโลกเสมอ ดังเช่นกรณี ล่าสุดที่ซุ่มเงียบพัฒนาแชตบอต “ดีปซีก” (DeepSeek) ออกมาท้าชน “ChatGPT” ของ OpenAI เขย่าขวัญนักลงทุน และทุบราคาหุ้นเทคสหรัฐให้ร่วงไปตาม ๆ กัน
สแกนตลาดสมาร์ทโฟน
ในฝั่งฟากของอุปกรณ์เครือข่ายสื่อสารโทรคมนาคม “หัวเว่ย” (Huawei) เป็นอีกตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดที่ก่อร่างสร้างตนเองจนมายืนอยู่แถวหน้าในแวดวงโทรคมนาคมโลกด้วยเช่นกัน ในเวลาต่อมายังสยายปีกไปยังวงการพลังงานทางเลือกอีกด้วย
ในวงการสมาร์ทโฟน “หัวเว่ย” สร้างความฮือฮาต่อเนื่อง ทั้งจากการพัฒนาชิป 7 นาโนเมตรของตนเอง และการเปิดตัว Huawei Mate XT สมาร์ทโฟนจอพับสามทบเครื่องแรกของโลก รวมถึงอดีตแบรนด์ลูกอย่าง HONOR ก็ขยับชิงส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ถ้าขยับเข้ามาใกล้ชิดผู้บริโภคมากขึ้นไปอีก หนีไม่พ้น “สมาร์ทโฟน” ซึ่งเปรียบได้กับอวัยวะลำดับที่ 33 ของคนเรา ค่ายผู้ผลิตจากจีนก็มีตัวเลือกมากมายหลากหลายแบรนด์ ขณะที่ฝั่งอเมริกา มี “แอปเปิล” (Apple) และเกาหลี มี “ซัมซุง” (Samsung)
แต่ที่น่าสนใจก็คือหลายแบรนด์ที่เราคุ้นเคยกันดีกับมีที่มาที่ไปเดียวกัน
“แอลวิน โชว์” (Alvin Chow) Assistant Director, iFAST Global Markets (Singapore) ที่ปรึกษาด้านการวางแผนทางการเงิน อธิบายผ่านบทความ “The Rise of China Smartphone” บนเว็บไซต์ Growth Dragons ว่า แบรนด์สมาร์ทโฟนจีนชื่อคุ้นหูที่วางจำหน่ายในท้องตลาด จริง ๆ แล้วหลายแบรนด์มีที่มาที่ไปจากบริษัทเดียวกัน
แบรนด์จีนรวมพลังชิงแชร์
ประกอบด้วย กลุ่มที่ 1 ภายใต้ BBK Electronics ก่อตั้งในปี 1995 โดย “ตวน หยงผิง” (Duan Yongping) วิศวกรไฟฟ้าเชื้อสายจีน-อเมริกัน บริษัทแม่ของ “OPPO” และ “realme” ที่เป็น Talk of the Town จากการติดตั้งแอปเงินกู้ “Fineasy” และ “สินเชื่อความสุข” มากับตัวเครื่อง จนสะเทือนไปถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อสมาร์ทโฟนแบรนด์จีน
BBK Electronics แบ่งการบริหารออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ 1.ทีมของ OPPO และ OnePlus 2.ทีมของ vivo และ iQOO และ 3.ทีมของ BBK Electronics และ realme
กลุ่มที่ 2 ภายใต้ บริษัท Transsion ที่ก่อตั้งในปี 2006 โดย “จอร์จ จู” (George Zhu) มีฐานการผลิตหลักในเสิ่นเจิ้น เป็นบริษัทแม่ของ TECNO, Infinix และ itel ซึ่งในปี 2024 ที่ผ่านมา มีการเติบโตอย่างมาก สะท้อนผ่านข้อมูลของบริษัทวิจัย IDC ที่ระบุว่าในไตรมาส 1/2024 Transsion มีส่วนแบ่งตลาดทั่วโลก 9.9% เพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 5.7% คิดเป็นอัตราการเติบโตถึง 84%
ตลาดหลักของ Transsion อยู่ในแอฟริกา, ตะวันออกกลาง, เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเอเชียใต้ โดยแบรนด์ TECNO และ itel ติดตลาดมากใน 2 ภูมิภาคแรกจากการชูจุดเด่นเรื่อง “ราคา” ที่ใคร ๆ ก็สามารถเข้าถึงสมาร์ทโฟนสักเครื่องได้ รวมถึงยังเพิ่มประสบการณ์ใช้งานด้วยภาษาท้องถิ่น Amharic ซึ่งมีรากฐานจากภาษาตระกูลเซมิติก ในตะวันออกกลาง
ขณะที่ Infinix เดินหน้าทำตลาดในไทยอย่างต่อเนื่อง ด้วยจุดเด่นในการเป็นสมาร์ทโฟนสำหรับสาย “อีสปอร์ต” จับกลุ่มคนที่รักการเล่นเกมมาก ๆ
ไม่ใช่เท่านั้น อีกแบรนด์จีนที่โด่งดังไม่แพ้ใคร ต้องไม่ลืม “เสียวหมี่” (Xiaomi) ที่ไม่ได้มีแค่สมาร์ทโฟน แต่ได้รับความนิยมในฐานะไลฟ์สไตล์แบรนด์ มีสินค้าในพอร์ตมากมาย ตั้งแต่ปากกายันเครื่องฟอกอากาศ
เปิดข้อมูลส่วนแบ่งตลาด
ล่าสุด เสียวหมี่ยังเปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงซีรีส์ใหม่ “Redmi Note 14 Series” ชูจุดเด่นเรื่องกล้อง AI ความละเอียด 200MP และตั้ง “แบมแบม-กันต์พิมุก ภูวกุล” สมาชิกชาวไทยของวง GOT7 เป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์อีกด้วย
ข้อมูลล่าสุดจากบริษัทวิจัย IDC ระบุว่า 2 แบรนด์ที่ครองส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลกในปี 2024 ที่ผ่านมา อันดับหนึ่ง และสอง ยังคงเป็น Apple และ Samsung ซึ่งมีส่วนแบ่งที่ 18.7% และ 18.0% ตามลำดับ
แต่หากรวมส่วนแบ่งจากแบรนด์อันดับที่ 3-5 เข้าด้วยกัน ได้แก่ Xiaomi (13.6%), Transsion (8.6%) และ OPPO (8.5%) จะมีส่วนแบ่งถึง 30.7%
ชัดเจนว่าในสมรภูมิธุรกิจสมาร์ทโฟนโลก เป็นการขับเคี่ยวกันระหว่างแบรนด์จีนที่มีอยู่อย่างหลากหลายมากทั้งในแง่แบรนด์ และระดับราคา กับยักษ์ใหญ่จากสหรัฐ และเกาหลีใต้