อาลีบาบา คลาวด์ เปิด “ดาต้าเซ็นเตอร์“ แห่งที่ 2 ในไทย

อาลีบาบา คลาวด์

อาลีบาบา คลาวด์ เปิดตัว “ดาต้าเซ็นเตอร์” แห่งที่ 2 ในไทย หลังเปิดตัวแห่งแรกเมื่อปี 2565 มุ่งยกระดับบริการคลาวด์ให้องค์กรไทย-สนับสนุนนโยบายด้านดิจิทัลของรัฐบาล

นายฌอน หยวน รองประธานฝ่ายธุรกิจระหว่างประเทศ และผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ และภูมิภาคแปซิฟิกใต้ ของอาลีบาบา คลาวด์ อินเทลลิเจนซ์ กล่าวว่า อาลีบาบา คลาวด์ ธุรกิจด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและหน่วยงานหลักด้านอินเทลลิเจนซ์ของอาลีบาบา กรุ๊ป ประกาศเปิดตัว “ดาต้าเซ็นเตอร์” แห่งที่สองในประเทศไทย

มุ่งเพิ่มสมรรถนะการตอบสนองความต้องการบริการคลาวด์คอมพิวติ้งที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทย รองรับแอปพลิเคชั่น Generative AI และสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลไทยที่มุ่งส่งเสริมนวัตกรรมดิจิทัลและการพัฒนาเทคโนโลยีที่นำสู่ความยั่งยืน

“ดาต้าเซ็นเตอร์แห่งล่าสุดเป็นการส่งเสริมความมุ่งมั่นในการให้บริการคลาวด์ที่เชื่อถือได้ ปลอดภัย และทรงประสิทธิภาพ ที่ปรับให้ตรงตามความต้องการของธุรกิจในประเทศไทย เราเพิ่มประสิทธิภาพให้กับโครงสร้างพื้นฐานในประเทศ เพื่อมุ่งเสริมศักยภาพให้องค์กรใช้ศักยภาพของเทคโนโลยีคลาวด์ได้สูงสุด โดยเฉพาะกับแอป Generative AI”

ทั้งนี้ อาลีบาบา คลาวด์ เปิดดาต้าเซ็นเตอร์แห่งแรกในไทยเมื่อปี 2565 และการเปิดดาต้าเซ็นเตอร์แห่งนี้ ทำให้อาลีบาบา คลาวด์ มี Availability Zone ทั้งหมด 86 แห่ง ใน 28 ภูมิภาคทั่วโลก

นายฌอนกล่าวด้วยว่า อาลีบาบา คลาวด์ มุ่งมั่นเพิ่มขีดความสามารถให้องค์กรในประเทศไทย ด้วยการปรับปรุงกลุ่มผลิตภัณฑ์หลากหลาย รวมถึงการประมวลผลแบบยืดหยุ่น (Elastic Computing), สตอเรจ, ฐานข้อมูล, ความปลอดภัย, ผลิตภัณฑ์ด้านเน็ตเวิร์ก, การวิเคราะห์ข้อมูล และบริการด้าน AI ต่าง ๆ

ADVERTISMENT

โดย Cloud-Native Vector Engine ของ AnalyticDB ช่วยให้ภาคธุรกิจไทยสายฟินเทคและค้าปลีก สร้างโซลูชั่นที่สามารถดึงข้อมูลองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องได้แบบเรียลไทม์ (Retrieval-Augmented Generation : RAG) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า ผ่านโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ที่ได้รับการปรับแต่งให้เหมาะสมกับธุรกิจนั้น ๆ และสามารถต่อยอดเป็นนวัตกรรมหรือโซลูชั่นต่าง ๆ ได้

รวมถึงบริษัทยังเปิดตัว Alibaba Cloud Container Compute Service (ACS) ที่มีคุณสมบัติในการลดความยุ่งยากและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการใช้เวิร์กโหลดด้วยการใช้ Kubernetes เป็นอินเตอร์เฟซ มาพร้อมสภาพแวดล้อมคอนเทนเนอร์ที่ไม่ต้องพึ่งพาเซิร์ฟเวอร์ ACS ช่วยให้ธุรกิจปรับขนาดการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการลดความซับซ้อนที่เกี่ยวกับการจัดการโครงสร้างพื้นฐานให้เหลือน้อยที่สุด เพื่อให้บุคลากรสามารถโฟกัสงานที่เป็นนวัตกรรมได้ ทั้งยังช่วยจัดการเรื่องค่าใช้จ่าย

ADVERTISMENT

“อาลีบาบา คลาวด์ ดูแลระบบนิเวศในไทยอย่างเข้มแข็ง ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรในประเทศประมาณ 70 ราย ในจำนวนนี้รวมถึง Cloud HM, Kaopanwa, Softdebut, Thai Data Cloud และ True IDC เพื่อเสริมศักยภาพให้กับการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของธุรกิจทั่วประเทศไทย”