
บลูบิคกำไรไตรมาส 4/2567 ทำจุดสูงสุดใหม่ แตะ 108 ล้านบาท โต 22% (YOY) ปันผล 0.22 บาท ชี้เทรนด์ AI Transformation ขาขึ้น เชื่อปี 2568 โตมากกว่า 20%
นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK กล่าวว่า AI Transformation เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้องค์กรธุรกิจสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภค ส่งผลให้การลงทุนด้านเทคโนโลยีเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุนี้ บริษัทจึงมีการปรับกลยุทธ์การให้บริการโดยนำ AI เป็นแกนกลางผสานกับทุกบริการหลัก (AI-Led Integrated Services) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า จากปัจจัยสนับสนุนดังกล่าวนี้ บริษัทจึงเชื่อมั่นว่าผลประกอบการในปี 2568 จะสามารถเติบโตมากกว่า 20%
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2567 มีกำไรสุทธิแตะระดับสูงสุดใหม่ต่อเนื่องที่ 108 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YOY) ขณะที่รายได้อยู่ที่ 409 ล้านบาท เติบโต 10% (YOY) ซึ่งเป็นผลจากภาคธุรกิจกลับมาลงทุนด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นต่อเนื่องจากช่วงไตรมาส 3 หลังจากแนวโน้มเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น ทั้งในภาคการท่องเที่ยว การบริโภคของภาคเอกชน รวมถึงการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐที่เร่งตัวขึ้น
สำหรับผลประกอบการตลอดปี 2567 บริษัทมีกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 314 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อน และมีรายได้ 1,507 ล้านบาท เติบโต 15% (YOY) ขณะที่มูลค่าแบ็กล็อก (ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2567) อยู่ที่ 983 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นงานจากบริษัทแม่และบริษัทย่อย 842 ล้านบาท และจากบริษัทร่วมทุน 141 ล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้จากบริษัทแม่และบริษัทย่อยมากกว่า 669 ล้านบาท และจากบริษัทร่วมทุนทั้งหมดในปีนี้ ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วงปี 2569-2572
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมจ่ายปันผลเป็นเงินสด 0.22 บาทต่อหุ้น จากจำนวนหุ้นทั้งหมดจำนวน 200,015,474 หุ้น หรือคิดเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 44,003,404 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 32 ของกำไรสุทธิของงบเฉพาะกิจการหลังหักสำรองตามกฎหมาย
ในส่วนของกำไรสุทธิที่เหลือจะใช้เพื่อชำระค่าหุ้นงวดสุดท้ายของบริษัท อินโนวิซ โซลูชั่นส์ จำกัด และสำรองเงินสดสำหรับเงินทุนหมุนเวียนที่อาจเพิ่มขึ้น สอดรับกับเป้าหมายเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว รวมถึงรักษาสภาพคล่อง ลดภาระการกู้ยืมเงินและดอกเบี้ยจากสถาบันการเงิน เพื่อให้อัตราส่วนทางการเงินของบริษัทอยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยมีการกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผลในวันที่ 30 เมษายน 2568 และกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 29 เมษายน 2568 พร้อมจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นในวันที่ 20 พฤษภาคม 2568
“นับจากปี 2568 องค์กรธุรกิจจะประยุกต์ใช้ AI ในกระบวนการดำเนินงานเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งปัจจุบันกระแส AI Transformation ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และกำลังเข้าสู่ช่วงขาขึ้นอย่างชัดเจน สะท้อนผ่านมูลค่าตลาด AI ทั่วโลกที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 243,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2568 เป็น 826,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2573 โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 28% (CAGR) (ข้อมูลจาก Statista)
ผลจากแนวโน้มนี้ ทำให้บริษัทมั่นใจว่ากลยุทธ์ AI-Led Integrated Services สอดรับกับทิศทางของตลาด และยังเพิ่มโอกาสสร้างรายได้จากการขยายการให้บริการด้านอื่น ๆ เนื่องจากการขับเคลื่อนโครงการ AI Transformation ให้ประสบความสำเร็จนั้น องค์กรธุรกิจต้องดำเนินงานอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การวางกลยุทธ์ การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีและข้อมูล การพัฒนาโมเดล AI ขั้นสูงและแอปพลิเคชั่น ตลอดจนเสริมสร้างความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์”