Passion to Profit ‘ขจร เจียรวนนท์’

ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา มีอีเวนต์ใหญ่ที่สร้างความฮือฮาให้กับแวดวงธุรกิจ คือการเปิดตัว “เดอะ วันเดอร์ บลู คลาสสิค โบตเฮาส์ อยุธยา” (The Wonder Blue Classic Boathouse Ayutthaya) ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ของ “ทรู ลีสซิ่ง” ผู้ให้บริการเช่ารถรายใหญ่ของประเทศ ภายใต้การบริหารงานของ “ขจร เจียรวนนท์” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทรู ลีสซิ่ง จำกัด และแม่ทัพใหญ่ของหลายองค์กรในเครือเจริญโภคภัณฑ์ (C.P.) ไม่ว่าจะเป็นกรรมการบริหารเครือ ซี.พี. และประธานสโมสรทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด

นอกจากอีเวนต์เปิดตัวโบตเฮาส์แห่งนี้จะเป็นบิ๊กมูฟเมนต์ของทรู ลีสซิ่ง ที่โลดแล่นในโลกธุรกิจมากกว่า 30 ปี ยังมีอีกหนึ่งไฮไลต์พิเศษที่ได้รับการพูดถึงเป็นอย่างมาก นั่นคือการปรากฏตัวของนักแสดงสาว “เบลล่า-ราณี แคมเปน” ที่มาร่วมบอกเล่าความพิเศษของการล่องเรือท่องเที่ยวอยุธยา ซึ่งเจ้าตัวมีตำแหน่งเป็นหวานใจของ “วิล-ชวิณ เจียรวนนท์” บุตรชายของ “ขจร เจียรวนนท์” พ่วงมาด้วย

“ประชาชาติธุรกิจ” มีโอกาสพูดคุยกับ “ขจร เจียรวนนท์” ในหลายแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคการบริหารงานของทรู ลีสซิ่ง ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา การต่อยอดความชื่นชอบมาเป็นธุรกิจ และการเปิดตัวโบตเฮาส์แห่งนี้

33 ปี “ทรู ลีสซิ่ง”

“ขจร” เล่าว่า ทรู ลีสซิ่ง ให้บริการเช่ารถมาแล้ว 33 ปี เริ่มด้วยการเช่าระยะยาวสำหรับองค์กร 3-5 ปี ก่อนจะเพิ่มบริการแบบเช่ารายวัน และขยายพื้นที่การให้บริการนอกกรุงเทพฯ เพื่อให้ครอบคลุมจุดยุทธศาสตร์ในจังหวัดต่าง ๆ เช่น เชียงใหม่ เชียงราย สมุทรปราการ ภูเก็ต และกระบี่ ซึ่งช่วยเรื่องการบริหารจัดการและดูแลลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว เวลารถที่ลูกค้าใช้อยู่เสีย สามารถเข้าซ่อมหรือส่งคันใหม่ให้ได้ทันที

พออยู่ในจุดยุทธศาสตร์และเป็นเมืองท่องเที่ยวด้วย จึงเพิ่มประเภทของรถและบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวมากขึ้น เช่น รถมินิบัส และรถสปรินเตอร์ 10-16 ที่นั่ง ที่นักท่องเที่ยวฝั่งยุโรปหรืออเมริกาคุ้นเคย รวมถึงมีบริการรถบัสใหญ่สำหรับการสัมมนาหรือประชุมต่าง ๆ โดยปัจจุบันมีรถในระบบกว่า 1.4 หมื่นคัน

“หัวใจในการบริหารงานของทรู ลีสซิ่ง ตลอด 30 กว่าปีที่ผ่านมา คือการให้ความสำคัญกับการบำรุงรักษา และทำงานกับลูกค้าที่มีเครดิตดี เพราะเมื่อดูแลรถให้อยู่ในสภาพดีก็จะประหยัดต้นทุนเรื่องค่าประกัน และมูลค่าการขายแบบรีเซลก็สูงตามไปด้วย”

รับแรงหนุนท่องเที่ยว-อีเวนต์

“ขจร” เล่าต่อว่า หลังการควบรวมกิจการของ “ทรู-ดีแทค” ทรู ลีสซิ่ง ก็เป็นธุรกิจในเครือ ซี.พี. 100% และกำลังอยู่ในช่วงพิจารณาเรื่องการใช้ชื่อแบรนด์ ถ้าเปลี่ยนชื่อแล้วจะกระทบกับการรับรู้ และ Brand Loyalty หรือเปล่า เพราะชื่อของทรู ลีสซิ่ง ติดตลาด และเป็นที่จดจำของเอเยนซี่ต่างชาติไปแล้ว

ส่วนการดำเนินธุรกิจของทรู ลีสซิ่ง ในปัจจุบันเติบโตดีทั้งรายได้และกำไร โดยฝั่งของธุรกิจเช่ารถยังมีรายได้กว่า 80% มาจากการเช่าระยะยาวของกลุ่มคอร์ปอเรต ส่วนบริการเช่ารายวันสำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวก็ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้จะเริ่มให้บริการได้ไม่นาน

นอกจากลูกค้าของบริการเช่ารถจะเป็นกลุ่มคอร์ปอเรตและนักท่องเที่ยวแล้ว ยังมีกลุ่มของศิลปินที่มาจัดคอนเสิร์ตในไทย โดยกลุ่มนี้จะนิยมใช้รถสปรินเตอร์คันใหญ่ นั่งรวมกันทั้งศิลปิน ผู้จัดการ และทีมที่ดูแล ส่วนอีกกลุ่มที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือ ชาวอินเดียที่มาแต่งงานในไทย ด้วยจำนวนแขกที่มาร่วมงานมีเยอะ ทำให้ต้องใช้รถในการรับส่งเป็นจำนวนมาก มีเท่าไรก็ไม่พอ

“อีเวนต์งานแต่งงานของชาวอินเดียเป็นอีกหนึ่งตลาดที่ทรู ลีสซิ่ง เข้าไปทำตลาดอย่างจริงจัง มีไปจัดกิจกรรมโรดโชว์และเปิดบูทที่อินเดีย เพื่อบอกว่าเรามีเซอร์วิสอะไรบ้าง หรืออย่างจีนก็เป็นอีกตลาดใหญ่ที่มีดีมานด์เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ”

“เช่าเรือ” ธุรกิจความฝัน

“พอทำธุรกิจเช่ารถมาได้สักพัก ก็เริ่มมองหาธุรกิจใหม่ที่จะเข้ามาช่วยเติมอีโคซิสเต็มการบริการให้สมบูรณ์ มีครบเป็นฟูลเซอร์วิส ซึ่งธุรกิจเช่าเรือถือว่าตอบโจทย์ในหลาย ๆ ด้าน และเป็นธุรกิจความฝันที่เกิดจากความผูกพันตั้งแต่เด็ก”

ทรู ลีสซิ่ง เริ่มให้บริการเช่าเรือล่องตามเส้นทางแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ปี 2561 ชูจุดเด่นด้วยเรือแฮกเกอร์-คราฟต์ (Hacker-Craft) แบรนด์เรือคลาสสิกระดับตำนานที่มีชื่อเสียงมากว่า 100 ปี โดยให้บริการทั้งหมด 12 ลำ แพ็กเกจเริ่มต้นสำหรับการล่องเรือ 1 ชั่วโมง อยู่ที่ราว ๆ 1,400 บาท/คน แต่ลูกค้าสามารถเลือกแพ็กเกจตามที่ต้องการได้ อาทิ ถ่ายพรีเวดดิ้ง หรือจัดปาร์ตี้กับกลุ่มเพื่อน ซึ่งค่าบริการจะคิดจากต้นทุนค่าน้ำมัน และบริการเสริมอื่น ๆ เช่น บริการพ่อบ้าน หรือค่าอาหาร

“บริการเช่าเรือยังมีสัดส่วนรายได้ที่น้อยมาก เมื่อเทียบกับบริการเช่ารถ แต่มองว่าเป็นการจูงใจให้ลูกค้ามาใช้บริการอื่น ๆ มากกว่า รวมถึงธุรกิจก็เพิ่งฟื้นกลับมาจริง ๆ หลังโควิดจบ เพราะเปิดตัวก่อนโควิดระบาดนิดเดียว ช่วงนั้นไม่มีนักท่องเที่ยว และคนก็ไม่ทำกิจกรรมนอกบ้าน ดีที่เรือไม่เหมือนรถ ยิ่งบำรุงรักษาดี ลงทุนครั้งเดียวใช้ไปได้ยาว ๆ ไม่ต้องเปลี่ยนรอบทุก 5-10 ปี”

ขยายรูต “อยุธยา”

ตอนนี้บริการเช่าเรือของทรู ลีสซิ่ง ได้เปิดให้บริการ “เดอะ วันเดอร์ บลู คลาสสิค โบตเฮาส์ อยุธยา” เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว และการสร้างรายได้ใน จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “เวนิสแห่งตะวันออก” โดยชูคอนเซ็ปต์การเป็น “One-Stop Destination” มีคอลเล็กชั่นเรือคลาสสิกที่เปิดให้ชม ท่าเรือส่วนตัวสไตล์อิตาลี แกลเลอรี่ชมเรื่องราวประวัติเรือคลาสสิก Private Lounge ชมโชว์เคสการยกเรือ การให้บริการล่องเรือชมลำน้ำกรุงเก่า และร้านอาหาร The Summer House @Wonder Blue

“เราแบ่งเรือลำเล็กจำนวน 6 ลำ จากที่มีทั้งหมดในกรุงเทพฯ มาให้บริการที่อยุธยา โดยลูกค้าจะเลือกเป็นแพ็กเกจล่องเรือยาวตั้งแต่กรุงเทพฯ ถึงอยุธยา หรืออยุธยาถึงกรุงเทพฯ เลยก็ได้ มองว่าลูกค้าหลักของโบตเฮาส์แห่งนี้ในช่วงแรกน่าจะเป็นชาวไทย แต่พอทำงานกับพาร์ตเนอร์โรงแรม หรือเอเยนซี่ในพื้นที่ไปเรื่อย ๆ น่าจะมีลูกค้าเป็นชาวต่างชาติมากขึ้น”

ส่วนแผนในอนาคตที่มองไว้สำหรับบริการเช่าเรือ คงต้องรอดูจากกระแสตอบรับของโบตเฮาส์แห่งนี้ก่อนว่าจะต้องลงทุนซื้อเรือเพิ่ม หรือขยับขยายไปตรงไหนหรือไม่ แต่จากที่พูดคุยกับพาร์ตเนอร์มาก็พบว่ามีดีมานด์ในพัทยา และภูเก็ตเช่นกัน หรืออย่างในลาว ก็มองว่ามีโอกาสของตลาด ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงของการศึกษาความเป็นไปได้เพิ่มเติม

“บริการเช่าเรือไม่ได้มีการแข่งขันสูงมาก เพราะเราวางโพซิชั่นชัดเจนว่าเป็นตลาดไฮเอนด์ ไม่ทับไลน์บริการเช่าเรือแบบอื่น ๆ ที่มีอยู่ในตลาด เช่น เรือหางยาว หรือเรือไฟเบอร์ ต่างกับบริการเช่ารถที่แข่งขันสูงมาก มีทั้งเรื่องสงครามราคา และการดีลกับพาร์ตเนอร์เพื่อให้ได้ต้นทุนที่ถูกลง”

สยายปีก “Private Jet”

“ขจร” บอกด้วยว่า นอกจากธุรกิจเช่ารถและเรือของทรู ลีสซิ่ง ยังมีธุรกิจการบริหาร “เครื่องบินส่วนตัว” (Private Jet) ภายใต้บริษัทที่ชื่อว่า “Siam Land Flying” ปัจจุบันให้บริการเครื่องบินทั้งหมด 4 ลำ มีบริการหลักเป็นการขนส่งผู้ป่วย โดยเป็นรายเดียวในไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากยุโรป และสหรัฐ และเป็น 1 ใน 2 ราย ที่ได้รับการรับรองในเอเชีย ซึ่งอีกรายคือผู้ให้บริการในญี่ปุ่น

“มาตรฐานการขนส่งผู้ป่วย และการให้บริการของ Siam Land Flying ถือว่าติดอันดับท็อป ๆ ของโลก เรามีทีมแพทย์ที่เชี่ยวชาญเรื่องการรักษาผู้ป่วยบนเครื่องบิน เพราะการรักษาบนบกกับบนอากาศไม่เหมือนกัน มีปัจจัยเรื่องความกดอากาศที่ต้องคำนึงถึง หรืออย่างกรณีที่โรงพยาบาลต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน เช่น การส่งมอบอวัยวะเพื่อทำการปลูกถ่ายให้ผู้ป่วย เราก็ช่วยเหลือโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย”