ชาไทย Specialty แจ้งเกิด ดันยอดสั่งบน LINE MAN โต 81%

ชาไทย Specialty

LINE MAN Wongnai เผยอินไซต์ “ชาไทย Specialty” ขึ้นแท่นเครื่องดื่มสุดฮอต ยอดสั่งบน LINE MAN ปี 2567 แตะ 4 แสนแก้ว โตจากปีก่อนหน้า 81% รับแรงหนุนอุตสาหกรรมชาขยายตัว-กระแสชาไทยลิซ่าบูม

รายงานข่าวจาก LINE MAN Wongnai เปิดเผยว่า ร้านเครื่องดื่มที่ขายชาไทย Specialty เพิ่มขึ้นกว่า 205% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา สอดรับกับพฤติกรรมคนไทยที่หันมาดื่มชาไทยคุณภาพสูงมากขึ้น โดยปี 2567 มียอดสั่งดีลิเวอรี่รวมแตะ 4 แสนแก้ว โต 81% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครยังคงเป็นศูนย์กลางของเทรนด์ชาไทย Specialty โดยมีจำนวนร้านมากที่สุด คิดเป็น 46% ของทั้งประเทศ ตามมาด้วยนนทบุรีและชลบุรี

อย่างไรก็ตาม ภาพใหญ่ของตลาดเครื่องดื่ม Specialty ทั้งหมด กาแฟ Specialty ยังเป็นผู้นำตลาด ส่วนตลาดชาไทย Specialty กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว หากเทียบอัตราการเติบโตในช่วง 3 ปีล่าสุด (2565-2567) อ้างอิงจากฐานข้อมูลของ LINE MAN พบว่า ยอดสั่งชาไทย Specialty โตขึ้นกว่า 3.3 เท่า เทียบกับกาแฟ Specialty ที่เติบโต 2.7 เท่าในช่วงเวลาเดียวกัน

ชาไทย Specialty

รายงานระบุด้วยว่า แนวโน้มการเติบโตของชาไทย Specialty มีจุดเริ่มต้นในปี 2565 ที่อุตสาหกรรมชาขยายตัวในเชิงโครงสร้าง ทั้งด้านคุณภาพของใบชา ความหลากหลายของแหล่งปลูก และกำลังการผลิต ทำให้ประเทศไทยก้าวขึ้นมาเป็นตลาดค้าชาใหญ่เป็นอันดับ 7 ของโลก

ADVERTISMENT

โดยพันธุ์ชาที่นิยมปลูกในไทย ได้แก่ ชาจีน (Chinese Tea) และชาอัสสัม (Assam Tea) ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญของชาไทยสีส้มที่พวกเราคุ้นเคย แล้วถูกพัฒนามาเป็นเมนู “ชาไทย Specialty” ที่สามารถเลือกรสชาติและกลิ่นหอมได้ เหมือนกับเมนูกาแฟ Specialty

นอกจากนี้ กระแส “ชาไทยลิซ่า” เมนู Thai up the World by Lisa ที่สร้างสรรค์โดย “ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล” ร่วมกับ Erewhon ซูเปอร์มาร์เก็ตไฮเอนด์ในสหรัฐ ผู้บริโภคกระแสหลักจึงสนใจเมนูชาไทยพรีเมี่ยมมากขึ้น

ADVERTISMENT
มิญชยา บูรณะเศรษฐกุล
มิญชยา บูรณะเศรษฐกุล

ด้านนางสาวมิญชยา บูรณะเศรษฐกุล เจ้าของร้าน KHIRI Thai Tea หนึ่งในร้านชาไทย Specialty ที่มียอดออร์เดอร์สูงสุดบน LINE MAN แสดงความเห็นว่า การที่ผู้บริโภคชาวไทยหันมาบริโภคเครื่องดื่ม Specialty จากตลาดกาแฟ Specialty ส่งผลให้เกิดตลาดชาไทย “Specialty” ตามมา

“รูปแบบของชาไทย Specialty จะเชื่อมโยงทุกกระบวนการพัฒนาชาตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ใช้ใบชาจากเกษตรกรไทย พัฒนาโดยคนไทย และถ่ายทอดเป็นเมนูที่สะท้อนรสชาติแท้ของชาไทย”

ปัจจุบันร้านชาไทยหลายแห่งเริ่มคัดสรรใบชาคุณภาพจากแหล่งปลูกในประเทศ ซึ่งมี Taste Notes เป็นเอกลักษณ์ในแต่ละพื้นที่ เช่น ชาเชียงรายให้กลิ่นอายดอกไม้และเบอรี่ ชาแม่ฮ่องสอนมีโน้ตของส้มและเนยสด ชาปัตตานีมีกลิ่นหอมของเนยถั่วและลูกสน

“ถ้าเราสามารถถ่ายทอดเรื่องราวของชาไทยได้ดี และมีปัจจัยสนับสนุน เช่น การพัฒนาเมนูใหม่ การขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้ากว้างขึ้น หรือการผลักดันจากแบรนด์ใหญ่ โอกาสที่ชาไทย Specialty จะแมสใกล้เคียงกับกาแฟ Specialty อาจเกิดได้เร็วขึ้นทั้งในไทยและระดับโลก”

ชาไทย Specialty