
วิบากกรรมของ Apple ส่อแววลุกลามอีก หลังพนักงานที่ขวัญเสียที่บริษัทเลื่อนเปิดใช้ฟีเจอร์ Siri ใน Apple Intelligence (Apple AI) ออกไป ตามมาด้วยข่าวการรวมตัวฟ้องร้องของผู้บริโภคในสหรัฐ ที่กล่าวหาว่า Apple โฆษณา AI เกินจริง
การฟ้องร้องดังกล่าว ยังไม่ได้รับการยืนยันจากบริษัทอย่างเป็นทางการ แต่สำนักข่าวอเมริกัน ชื่อ Axios รายงานว่า สำนักงานกฎหมาย Clarkson ได้ฟ้องร้อง Apple ต่อศาลรัฐบาลกลางสหรัฐ ที่เมืองซานโฮเซ กล่าวหาว่า Apple โฆษณาเกินจริงและการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับชุดฟีเจอร์ปัญญาประดิษฐ์ Apple Intelligence เมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา
เนื่องจาก Apple ประกาศเลื่อนการเปิดใช้ฟีเจอร์ Siri ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเอไอ Apple Intelligence ออกไปก่อน ในขณะที่การโฆษณาสินค้าเรือธงอย่าง iPhone 16 มีการโปรโมตว่าจะสามารถใช้ฟีเจอร์สนี้ได้ ผู้ซื้อจึงมีความคาดหวังว่า iPhone 16 ที่วางจำหน่ายจะมีฟีเจอร์ดังกล่าว แต่เมื่อมีการเลื่อนแบบไม่ชัดเจนว่าถึงเมื่อไหร่ เพราะ Apple กล่าวว่า “ในปีที่จะถึง” อาจหมายถึงปี 2026 จึงจะพร้อมใช้
หลัง Apple เลื่อนเปิดตัวฟีเจอร์ Siri ยังได้ถอดโฆษณา Siri ออกจากยูทูบ ส่งผลให้ผู้คนจำนวนมากมองว่า ทำการโฆษณาเกี่ยวกับ Apple Intelligence เกินจริง การถอดโฆษณาออกไปโดยไม่ได้รับผิดชอบด้วยการเยียวยาใด ๆ แก่ผู้ที่คาดหวังและหลงเชื่อว่า iPhone 16 จะได้ใช้ฟีเจอร์เหล่านี้ จึงทำให้มีการรวมกลุ่มกันฟ้องร้องเพื่อเรียกค่าเสียหาย
ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า พนักงานในทีมพัฒนา Siri รู้สึกโกรธ ผิดหวัง และอับอาย จากการที่เลื่อนเปิดใช้ฟีเจอร์ Siri ใน Apple Intelligence
โดย “ร็อบบี้ วอล์คเกอร์” ผู้บริหารอาวุโสของ Apple เปิดเผยว่า ฟีเจอร์ใหม่นี้ยังไม่มีความเสถียรที่เชื่อถือได้ เพราะมันทำงานได้ถูกต้อง 60-80% เท่านั้น
และกล่าวด้วยว่า แม้ Apple ตั้งเป้าที่จะปล่อยฟีเจอร์ใหม่ ๆ มาพร้อม iOS 19 แต่ “Siri” ใน Apple Intelligence จะเปิดให้ใช้ตอนที่พร้อมแล้วเท่านั้น ไม่ต้องการที่จะปล่อยสิ่งที่ไม่เสร็จสมบูรณ์ให้กับผู้ใช้ แม้คู่แข่งบางรายจะปล่อยสิ่งที่ไม่สมบูรณ์ออกมาให้ใช้งานแล้ว
นับเป็นอีกหนึ่งวิบากกรรม ของ Apple บิ๊กเทคด้านเทคโนโลยีที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้นำนวัตกรรมของโลก แต่กำลังเดินตามคู่แข่งบนสนามของปัญญาประดิษฐ์ผู้ช่วยส่วนตัว ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อมาทีหลังต้อง “เสถียร” กว่าเจ้าตลาดในวันนี้