
ทรู เผยอินไซต์การใช้งานช่วง “แผ่นดินไหว” พบปริมาณการโทร.ออก (Voice Call) สูงกว่าปกติเฉลี่ย 5 เท่า ช่วงที่มีการใช้งานมากสุดคือ 13.30-13.45 น. ส่วนการใช้ดาต้าพุ่งขึ้น 9-13% “X” ครอบอันดับหนึ่งแอปที่มีการใช้งานเพิ่มขึ้นสูงที่สุด พุ่งเฉียด 200%
รายงานข่าวจาก บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า หลังประเทศไทยรับรู้แรงสั่นสะเทือนจากเหตุแผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 เวลาประมาณ 13.25 น. ภายในเวลาไม่ถึง 5 นาที พฤติกรรมการสื่อสารของผู้ใช้งานบนเครือข่ายทรูและดีแทคเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน
โดยปริมาณการโทร.ออก (Voice Call) พุ่งสูงเฉลี่ยกว่า 5 เท่า สะท้อนว่าการโทร.กลายเป็นช่องทางเร่งด่วนในการติดต่อระหว่างบุคคล ส่วนดาต้าถูกใช้เพื่อการสื่อสารในภาวะฉุกเฉินอย่างมีเป้าหมายผ่านแอปพลิเคชั่น LINE, Messenger และ X เพื่อติดต่อ ตอบกลับข้อความ และเช็กข้อมูลข่าวสาร
จากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ข้อมูลการใช้งานบนเครือข่ายทรูและดีแทคสะท้อนถึงพฤติกรรมของผู้ใช้งานในช่วงเวลาฉุกเฉินอย่างชัดเจน สามารถแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่
การใช้งานเสียง (Voice Usage)
- ช่วงเวลา 13.30-13.45 น. เป็นช่วงที่ปริมาณการโทร.บนเครือข่ายทรูและดีแทคเพิ่มขึ้นสูงที่สุด
- การโทร.ภายในเครือข่ายเดียวกัน เพิ่มขึ้น 65% ขณะที่การโทร.ข้ามเครือข่าย เพิ่มขึ้น 121%
- ปริมาณการโทร.ออกเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในชั่วโมงแรก แม้จะลดลงในช่วงเวลาต่อมา แต่ยังคงสูงกว่าปกติจนถึงเวลาเที่ยงคืน
เครือข่ายทรู
- ปริมาณการโทร.ออกเพิ่มขึ้นสูงสุด 465% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของวันที่ 27 มีนาคม 2568 (จาก 1.57 ล้านครั้ง เป็น 8.89 ล้านครั้ง)
- จุดที่การโทร.ออกพุ่งขึ้นสูงสุดอยู่ที่เวลา 13.33 น. โดยเพิ่มขึ้นประมาณ 299,000 ครั้ง หรือคิดเป็น 672% จากค่าปกติในช่วงเวลาดังกล่าว
เครือข่ายดีแทค
- ปริมาณการโทร.ออกเพิ่มขึ้นสูงสุด 545% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของวันที่ 27 มีนาคม 2568 (จาก 2.67 ล้านครั้ง เป็น 17.23 ล้านครั้ง)
- จุดที่การโทร.ออกสูงที่สุดคือเวลา 13.32 น. เพิ่มขึ้น 300,000 ครั้ง หรือคิดเป็น 1,061% จากค่าปกติ
ปริมาณการโทร.ออกเทียบเป็นรายภาคช่วงที่มีการโทร.สูงสุด
เครือข่ายทรู – จุดที่มีการโทร.ออกสูงที่สุดคือเวลา 13.33 น. โดยเรียงลำดับจากภาคที่มีการเพิ่มขึ้นมากที่สุด ดังนี้
- กรุงเทพมหานคร +1,171%
- ภาคตะวันตก +618%
- ภาคใต้ +455%
- ภาคตะวันออก +426%
- ภาคกลาง +285%
- ภาคเหนือ +112%
- ภาคอีสานตอนบน +82%
เครือข่ายดีแทค – จุดที่มีการโทร.ออกสูงที่สุดคือเวลา 13.32 น. โดยเรียงลำดับจากภาคที่มีการเพิ่มขึ้นมากที่สุด ดังนี้
- กรุงเทพมหานคร +1,983%
- ภาคตะวันตก +1,054%
- ภาคกลาง +822%
- ภาคเหนือ +541%
- ภาคตะวันออก +269%
- ภาคใต้ +229%
- ภาคอีสานตอนบน +103%
จากข้อมูลข้างต้นสรุปได้ว่าในภาวะฉุกเฉิน ผู้ใช้งานมีแนวโน้มเลือกใช้ “การโทร.” (Voice Call) เป็นช่องทางหลักในการติดต่อสื่อสาร โดยปริมาณการโทร.ออกเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนถึงบทบาทของการสื่อสารด้วยเสียงในภาวะฉุกเฉิน เพื่อยืนยันความปลอดภัยระหว่างบุคคลอย่างทันท่วงที
การใช้งานดาต้า (Data Usage)
- พบการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้งานดาต้าอย่างชัดเจนในช่วงเวลา 13.15-14.15 น. โดยช่วงเวลา 13.15-13.30 น. ปริมาณการใช้ดาต้าบนทั้งสองเครือข่ายลดลง สะท้อนการหยุดชะงักชั่วขณะจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
- จากนั้นตั้งแต่ 14.00-19.00 น. การใช้งานดาต้ากลับมาสูงขึ้น มากกว่าค่าปกติ อย่างต่อเนื่อง
- ปริมาณการใช้งานดาต้าของทรู เพิ่มขึ้นประมาณ 917 เทราไบต์ (9%)
- ปริมาณการใช้งานดาต้าของดีแทค เพิ่มขึ้นประมาณ 653 เทราไบต์ (13%)
พฤติกรรมการใช้งาน 7 แอปพลิเคชั่นยอดนิยมช่วงเกิดเหตุแผ่นดินไหว
เมื่อพิจารณาการใช้งานของ 7 แอปยอดนิยม (Facebook, Messenger, Instagram, TikTok, YouTube, LINE, X) ในช่วงเวลา 13.15-14.15 น. พบว่าทั้งทรูและดีแทคมีแนวโน้มคล้ายกัน คือ
- แอปสื่อสาร เช่น X, LINE, Messenger มีการใช้งานเพิ่มขึ้นมากที่สุด
- แอปวิดีโอ เช่น YouTube และ TikTok มีการใช้งานลดลงหรือเพิ่มเพียงเล็กน้อย
เครือข่ายทรู
- ใช้ดาต้าเพิ่มขึ้น 469,118 MB (+16%) จุดพีกของการใช้แอปคือเวลา 16.33 น.
– X +199%
– LINE +74%
– Messenger +41%
– Facebook +35%
– YouTube -7.8%
– TikTok -0.9%
เครือข่ายดีแทค
- ใช้ดาต้าเพิ่มขึ้น 290,063 MB (+17%) จุดพีกของการใช้แอปเกิดขึ้นที่ 13.25 น.
– X +162%
– LINE +90%
– Messenger +77%
– Facebook +33%
– YouTube -6%
– TikTok +0.6%
จากข้อมูลข้างต้นสรุปได้ว่าในภาวะฉุกเฉินผู้ใช้งานมีแนวโน้มปรับพฤติกรรมไปใช้แอปที่เน้นการสื่อสาร มากกว่าการเปิดดูคอนเทนต์วิดีโอ เป็นการใช้ดาต้าโดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อยืนยันความปลอดภัย รับรู้ข่าวสาร และติดต่อผู้คนในช่วงเวลาสำคัญ