ศาลนัด 8 เม.ย. ชี้ชะตา “ไตรรัตน์” ฟ้องบอร์ด กสทช. ปมถ่ายบอลโลก 600 ล้าน

ศาลนัด 8 เม.ย. ชี้ชะตา 'ไตรรัตน์' ฟ้องบอร์ด กสทช. ปมถ่ายบอลโลก 600 ล้าน

ลุ้นคำพิพากษาศาลอาญาฯ 8 เม.ย.นี้ คดีรักษาการเลขาฯ ฟ้องกรรมการ 4 กสทช. ปมปลด “ไตรรัตน์” พ้นรักษาการเลขาฯ กสทช. พ่วงงบฯถ่ายทอดบอลโลก 600 ล้านบาท

รายงานข่าวแจ้งว่า ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีกำหนดนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 8 เม.ย.นี้ ในคดีหมายเลขดำ อท.155/2566 ซึ่งนายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ และรักษาการแทนเลขาธิการ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ยื่นฟ้องกรรมการ กสทช. 4 ราย และรองเลขาธิการอีก 1 ราย ฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 86, 157 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172

ในคดีหมายเลขดำที่ อท 155/2566 ซึ่งเป็นคดีที่นายไตรรัตน์ (โจทก์) ได้ยื่นฟ้อง พล.อ.ท.ดร.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ กรรมการ กสทช. (จำเลยที่ 1) ศ.ดร.พิรงรอง รามสูต กรรมการ กสทช. (จำเลยที่ 2), รศ.ดร.ศุภัช ศุภชลาศัย กรรมการ กสทช. (จำเลยที่ 3), รศ.สมภพ ภูริวิกรัยพงศ์ กรรมการ กสทช. (จำเลยที่ 4) และ ผศ.ดร.ภูมิศิษฐ์ มหาเวสน์ศิริ รองเลขาธิการ กสทช. (จำเลยที่ 5)

สาเหตุเริ่มจากคำสั่งลับ กสทช. ที่ 7/2566 ลงวันที่ 23 ม.ค. 2566 ตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการสนับสนุนงบฯ 600 ล้านบาทจากกองทุนวิจัยและพัฒนา (กทปส.) เพื่อซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 โดยที่คณะอนุกรรมการชุดนี้ถูกเสนอชื่อโดยจำเลยที่ 1 ถึง 3 และต่อมาถูกตั้งข้อสังเกตว่าอาจไม่เป็นไปตามกฎหมาย และละเมิดมติ กสทช. รวมถึงข้อเสนอของการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และมติที่ประชุม กสทช. รวมทั้งข้อเสนอของ กกท.

ต่อมาเมื่อวันที่ 20 เม.ย. 2566 คณะอนุกรรมการได้จัดทำรายงานลับสรุปว่า การดำเนินการของสำนักงาน กสทช. อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมาย โดยมี 4 เสียงเห็นพ้อง และอีก 2 เสียงงดออกความเห็น ซึ่งนายไตรรัตน์มองว่า รายงานดังกล่าวเป็นความเห็นที่ไม่มีน้ำหนักทางกฎหมาย

ADVERTISMENT

ต่อมาในการประชุม กสทช. ครั้งที่ 13/2566 วันที่ 9 มิ.ย. 2566 ได้บรรจุรายงานดังกล่าวไว้ในระเบียบวาระ 5.22 ที่ประชุมมีมติรับทราบรายงานและพิจารณาว่าการกระทำของนายไตรรัตน์อาจฝ่าฝืนกฎหมาย พร้อมลงมติให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย และให้ปลดนายไตรรัตน์จากตำแหน่งรักษาการเลขาธิการ กสทช. จนกว่าการสอบสวนจะเสร็จสิ้น

โดยนายไตรรัตน์ระบุว่า การลงมติปลดจากตำแหน่งขัดต่อระเบียบ กสทช. ข้อ 21 และ 29 ที่ห้ามกรรมการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยโดยลำพัง และเป็นการเปิดทางให้จำเลยที่ 5 เข้ารับตำแหน่งแทน และยังมีความเห็นอีกว่า เหตุการณ์นี้ยังส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและโอกาสความก้าวหน้าในอาชีพอย่างรุนแรง เนื่องจากข่าวการปลดตำแหน่งถูกเผยแพร่อย่างกว้างขวาง

ADVERTISMENT

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้ยังอยู่ในความสนใจของสังคม เนื่องจากองค์คณะผู้พิพากษาเป็นชุดเดียวกับที่ตัดสินคดีหมายเลขดำ อท.147/2566 ซึ่งบริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด ฟ้อง ศ.ดร.พิรงรอง รามสูต หนึ่งในจำเลยของคดีนี้ โดยศาลตัดสินว่าจำเลยมีความผิด และลงโทษจำคุก 2 ปีโดยไม่รอลงอาญา

และหนึ่งในผู้พิพากษาองค์คณะชุดนี้ก็เคยพิจารณาคดีหมายเลขดำ อท.199/2565 ที่ น.ส.ธนิกานต์ บำรุงศรี ฟ้องกรรมการ กสทช. กรณีมติรับควบรวมทรู-ดีแทค โดยไม่ใช้อำนาจตามประกาศ กสทช. ซึ่งศาลยกฟ้องเนื่องจากหลักฐานไม่เพียงพอ