ยกฟ้อง 4 กสทช. คดีถอดรักษาการเลขาฯ โดยมิชอบ

4 กสทช.

ศาลอาญาฯ ยกฟ้อง 4 กสทช. และ 1 รองเลขาฯ กสทช. ปม “ไตรรัตน์” รักษาการเลขาฯ ฟ้อง เหตุใช้อำนาจถอดถอนตนโดยมิชอบ กรณีพัวพันการอนุมัติงบฯ 600 ล้านบาท สนับสนุนถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 

ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีนัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อท 155/2566 ซึ่งเป็นคดีที่นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ รักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง

  • พล.อ.ท.ดร.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ กรรมการ กสทช. (จำเลยที่ 1)
  • ศ.ดร.พิรงรอง รามสูต กรรมการ กสทช. (จำเลยที่ 2)
  • รศ.ดร.ศุภัช ศุภชลาศัย กรรมการ กสทช. (จำเลยที่ 3)
  • รศ.สมภพ ภูริวิกรัยพงศ์ กรรมการ กสทช. (จำเลยที่ 4)
  • ผศ.ดร.ภูมิศิษฐ์ มหาเวสน์ศิริ รองเลขาธิการ กสทช. (จำเลยที่ 5)

ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 86, 157 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการ ทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172

ศาลมีคำพิพากษา “ยกฟ้อง” จำเลยทั้ง 5 ด้วยพยานหลักฐานจากโจทก์ มีน้ำหนักไม่เพียงพอ

การฟ้องร้อง เริ่มจากการตั้งกรรมการสอบสวน (คำสั่งลับ กสทช. ที่ 7/2566 ลงวันที่ 23 ม.ค. 2566) กรณีการสนับสนุนงบฯ 600 ล้านบาทจากกองทุนวิจัยและพัฒนา (กทปส.) เพื่อซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 ซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตว่าอาจไม่เป็นตามกฎหมาย ซึ่ง “ไตรรัตน์” ในฐานะรักษาการเลขาฯ จึงอาจมีสวนเกี่ยวข้อง

โดยที่คณะอนุกรรมการสอบสวนถูกเสนอชื่อโดยจำเลยที่ 1 ถึง 3 และต่อมาถูกตั้งข้อสังเกตว่าอาจไม่เป็นไปตามกฎหมาย และละเมิดมติ กสทช. รวมถึงข้อเสนอของการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และมติที่ประชุม กสทช. รวมทั้งข้อเสนอของ กกท.

ADVERTISMENT

ต่อมาเมื่อวันที่ 20 เม.ย. 2566 คณะอนุกรรมการฯ ได้จัดทำรายงานลับสรุปว่า การดำเนินการของสำนักงาน กสทช. อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมาย โดยมี 4 เสียงเห็นพ้อง และอีก 2 เสียงงดออกความเห็น ซึ่งนายไตรรัตน์มองว่า รายงานดังกล่าวเป็นเพียง “ความเห็นลอย ๆ” ไม่มีน้ำหนักทางกฎหมาย

ต่อมาในการประชุม กสทช. ครั้งที่ 13/2566 วันที่ 9 มิ.ย. 2566 ได้บรรจุรายงานดังกล่าวไว้ในระเบียบวาระ 5.22 ที่ประชุมมีมติรับทราบรายงานและพิจารณาว่าการกระทำของนายไตรรัตน์อาจฝ่าฝืนกฎหมาย พร้อมลงมติให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย และให้ปลดนายไตรรัตน์จากตำแหน่งรักษาการเลขาธิการ กสทช. จนกว่าการสอบสวนจะเสร็จสิ้น

ADVERTISMENT

โจทก์อ้างว่า การลงมติปลดจากตำแหน่งขัดต่อระเบียบ กสทช. ข้อ 21 และ 29 ที่ห้ามกรรมการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยโดยลำพัง และเป็นการเปิดทางให้จำเลยที่ 5 เข้ารับตำแหน่งแทน และว่า เหตุการณ์นี้ยังส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและโอกาสความก้าวหน้าในอาชีพของเขาอย่างรุนแรง เนื่องจากข่าวการปลดตำแหน่งถูกเผยแพร่อย่างกว้างขวาง