
ภูมิธรรมเผย การกวาดล้างอาชญากรไซเบอร์ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ด้านชายแดนทิศตะวันตกของไทยสะอาดแล้ว เร่งล่าหัวโจก ซึ่งย้ายลึกไปในชายแดน และย้ายไปฝั่งเวียดนาม ลั่นอาชญากรชายแดนฝั่ง กัมพูชายอมไม่ได้เด็ดขาด
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวเปิดเวทีการสร้างความร่วมมือ รวมพลังภาคีเครือข่ายปลอดภัย เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ “ปีแห่งความปลอดภัยไซเบอร์” โดยตอนหนึ่งได้กล่าวถึงปัญหาอาชญากรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ว่าปัจจุบันที่ชายแดนตากยังคงมีเครื่องบิน 3-4 เที่ยวเพื่อส่งอาชญากรกลับประเทศ ซึ่งยังกวาดล้างต่อเนื่อง จนฐานย้ายเข้าไปไกลจากชายแดน และตอนนี้เหมือนจะย้ายไปทางชายแดนเวียดนาม
“ทำให้ชายแดนด้านตะวันตกของเราค่อนข้างสะอาดแล้ว แต่กระนั้นอาชญากรรมไซเบอร์ก็ยังคงอยู่ ซึ่งต่อไปกำลังวางแผนกวาดล้างตัวกลางรายใหญ่ที่ก่ออาชญากรรมไซเบอร์”
“วันนี้การป้องกันอาชญากรรมไซเบอร์เป็นนโยบายระดับชาติ เรียกว่าให้เป็นวาระแห่งชาติ ที่สำคัญจะช่วยปกป้องประชาชนจากภัยคุกคามต่าง ๆ ได้ แต่ถ้าท่านยังไม่เรียนรู้ หรือผู้ใช้ทั้งหมดยังไม่เรียนรู้ เราก็ป้องกันยาก เราต้องเรียนรู้ว่าวิธีการช่วยตัวเองทำอย่างไร”
วันนี้มีการออกกฎหมายเพื่อดึงหลายภาคส่วนมามีส่วนร่วม เพราะฉะนั้น ทุกส่วนเมื่อเข้ามามีส่วนรับผิดชอบร่วมกัน ส่วนจะมากน้อยเพียงใด อันนี้ขึ้นอยู่กับการประเมินอย่างยุติธรรมต่อทุกฝ่าย เจ้าหน้าที่ดำเนินการปฏิบัติการทลายเครือข่ายครั้งใหญ่หลายครั้งแล้ว
“วันนี้ผมส่งเจ้าหน้าที่จากกองตรวจสอบภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือผู้เกี่ยวข้องใหม่ไปพูดคุยกับทางกัมพูชา กัมพูชาเป็นแหล่งหนึ่งที่เราไม่ยุ่งเกี่ยวกับการพนันของเขา เราไม่แตะต้องกาสิโนของเขา แต่เรายอมไม่ได้ใน 2 เรื่อง คือยาเสพติดและการกระทำผิดของแก๊งสแกมเมอร์ หรืออาชญากรรมทางไซเบอร์ ขณะนี้เราร่วมมือกับทุกฝ่าย ทั้งลาว กัมพูชา พม่า และมาเลเซีย แต่การพัฒนาของอาชญากรเร็วมาก ดังนั้น กฎหมายที่เราควรแก้ไขต้องพิจารณาว่าจะยับยั้งธุรกรรมที่เกิดขึ้นได้อย่างไร”
นอกจากนั้น เรายังมีการบูรณาการทำงานร่วมกันระหว่างองค์กรภาครัฐ อย่างเช่น กสทช., ธนาคารแห่งประเทศไทย, ป.ป.ช., ปปง., สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กระทรวงดิจิทัลฯ รวมทั้งภาคเอกชนที่เป็นธนาคาร, บริษัทโทรคมนาคม และแพลตฟอร์มดิจิทัลต่าง ๆ บริษัทเอกชนเหล่านี้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว ทั้งหมดนี้จะยกระดับความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม การเรียกร้องให้ประชาชนปรับตัวอย่างเดียวไม่เพียงพอ รัฐมีหน้าที่โดยตรงที่ละเลยไม่ได้ และต้องดำเนินการ