
จุฬาฯ-ไปรษณีย์ไทย เปิดตัวแคมเปญ “พี่ไปรฯ ส่งยา สัตวแพทย์ จุฬาฯ ส่งรัก” ชูระบบส่งด่วน EMS ส่งยา-เวชภัณฑ์สัตว์เลี้ยงให้กลุ่ม Pet Parents หวังลดความแออัดในโรงพยาบาล ตั้งรับการเติบโตของตลาดสัตว์เลี้ยง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด, คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และโรงพยาบาลสัตว์ กรุงเทพฯ เปิดตัวแคมเปญ “พี่ไปรฯ ส่งยา สัตวแพทย์ จุฬาฯ ส่งรัก” ส่งยาและเวชภัณฑ์ของสัตว์ให้กลุ่มคนรักสัตว์เลี้ยงผ่านโซลูชั่นให้บริการ 2 ช่องทาง ได้แก่
1.บริการส่งยาถึงบ้านสำหรับผู้มาใช้บริการที่โรงพยาบาลสัตว์ กรุงเทพฯ
2.บริการส่งยาถึงบ้านสำหรับผู้ใช้บริการผ่านช่องทางออนไลน์ (Televet) เพื่อลดระยะเวลารอคอยในการรอรับยา และลดความแออัดในโรงพยาบาลที่มีผู้เข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก รวมถึงช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายและเวลาในการเดินทางสำหรับผู้ใช้บริการที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล
ศาสตราจารย์ สพญ.ดร.สันนิภา สุรทัตต์ คณบดีคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ความต้องการและพฤติกรรมการเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงในไทยและภูมิภาคกำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะความผูกพันที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นระหว่างเจ้าของกับสัตว์เลี้ยง และการเปลี่ยนแปลงนี้กำลังผลักดันให้เกิดความต้องการผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมี่ยม บริการที่เน้นสุขภาพ และโซลูชั่นที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ไม่ได้มองเพียงการเป็น “ผู้รักษา” แต่พร้อมเดินหน้าสู่การเป็นผู้สร้างระบบสุขภาพสัตว์เลี้ยงที่ดีแห่งอนาคต ที่มีองค์ประกอบครบทั้งการวิจัยและบริการ โดยความร่วมมือกับไปรษณีย์ไทยครั้งนี้ ถือเป็นโมเดลต้นแบบที่สามารถต่อยอดไปสู่ภาคส่วนอื่น ๆ ได้ในอนาคต ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนสุขภาพสัตว์เลี้ยงไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน และตอบสนองความคาดหวังของเจ้าของสัตว์เลี้ยงยุคใหม่ที่เป็น “Pet Parents” และมองว่าสัตว์เลี้ยง คือสมาชิกในครอบครัวอย่างแท้จริง
“คณะเห็นโอกาสในการใช้ระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพ และความเชี่ยวชาญของคณะมาเสริมความเชื่อมั่นกับเจ้าของและตลาดสัตว์เลี้ยง โดยปัจจุบันมีทรัพยากรที่เพียบพร้อมทั้งโรงพยาบาลสัตว์ กรุงเทพฯ ที่ให้บริการทางคลินิกที่ครอบคลุมและเฉพาะทางสำหรับสัตว์เลี้ยงหลากหลายชนิด การดูแลฉุกเฉิน การวินิจฉัยขั้นสูง (CT-Scan, MRI) และคลินิกเฉพาะทาง อีกทั้งยังได้รับการยอมรับในฐานะโรงเรียนสัตวแพทย์แห่งแรกและเป็นผู้นำในประเทศไทย และได้รับการยกย่องในระดับโลก ตอกย้ำความน่าเชื่อถือทางระบบการรักษาให้กับผู้ใช้บริการทั่วประเทศ”
ด้าน ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันมูลค่าตลาดสัตว์เลี้ยงของประเทศไทยยังคงมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาเลี้ยงสัตว์เพิ่มขึ้น โดยประชาชนส่วนใหญ่นิยมดูแลสัตว์เลี้ยงเสมือนเป็นสมาชิกในครอบครัว
จากปี 2567 ที่ผ่านมา ตลาดสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะในกลุ่มบริการรักษาสัตว์มีมูลค่าตลาดสูงถึง 6.64 แสนล้านบาท สำหรับปี 2568 คาดการณ์ว่าจำนวนสัตว์เลี้ยงของไทยมีแนวโน้มเติบโตจากปีที่ผ่านมาราว 6% โดยคิดเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีเจ้าของประมาณ 5.38 ล้านตัว ซึ่งสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือสุนัขและแมว
ความร่วมมือครั้งนี้จึงเป็นการต่อยอดความเชี่ยวชาญของไปรษณีย์ไทยในด้านการขนส่งด้วยแนวคิด “Parcel Defined Logistics” ที่ออกแบบระบบขนส่งให้เหมาะสมกับสิ่งของทุกประเภท รวมทั้งการขนส่งยาและเวชภัณฑ์ที่ไปรษณีย์ไทยได้เริ่มให้บริการตั้งแต่ปี 2555 เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ป่วยและโรงพยาบาล
“ปัจจุบันมีโรงพยาบาลที่ใช้บริการส่งยาและเวชภัณฑ์ผ่านไปรษณีย์ไทยกว่า 400 แห่งทั่วประเทศ อาทิ โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ โรงพยาบาลกรุงเทพ โรงพยาบาลวชิรพยาบาล โดยมีการขนส่งไปแล้วกว่า 2.32 ล้านชิ้น”
ดร.ดนันท์กล่าวด้วยว่า บริการจัดส่งยาและเวชภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยงเป็นการเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้บริการที่เป็นคนรักสัตว์ที่มีแนวโน้มจะขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ในประเทศไทย โดยผสานจุดแข็งของไปรษณีย์ไทยที่มีบริการส่งด่วน EMS การันตีมาตรฐานการจัดส่งภายใน 1-2 วันทำการ ส่งตรงถึงบ้านด้วยบรรจุภัณฑ์ และวิธีการขนส่งที่เหมาะสมในการช่วยรักษาประสิทธิภาพของยาและเวชภัณฑ์
โดยผู้ใช้บริการสามารถตรวจสอบสถานะการจัดส่งได้แบบเรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมด้วยเครือข่ายกว่า 50,000 จุด ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และบุรุษไปรษณีย์กว่า 25,000 คน ที่มีความชำนาญทุกเส้นทาง บริการจัดส่งในอัตราค่าบริการเริ่มต้น 120 บาทต่อครั้ง
“ความร่วมมือครั้งนี้ช่วยให้ภาพลักษณ์ความเป็น Lifestyle Brand ของไปรษณีย์ไทยชัดเจนมากขึ้น สะท้อนว่าเราเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น และยังเปิดโอกาสให้ไปรษณีย์ไทยต่อยอดความเป็นไปได้ในธุรกิจอื่น ๆ อีกด้วย”