
สหภาพแรงงาน NT บุกยื่นร้อง กสทช. ยุติการประมูลคลื่น หวั่นเอกชนผูกขาด ชี้ คลื่นความถี่เป็นสมบัติชาติ ต้องจัดสรรให้เกิดประโยชน์แก่ชาติและประชาชน
ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า ในวันนี้ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จัดการประชุมชี้แจงขั้นตอนการประมูล (Bidder Information Session) และการประมูล รอบสาธิต (Mock Auction) คลื่นความถี่ 4 ย่านความถี่ได้แก่ 850 1500 2100 และ 2300 MHz ซึ่งจะมีการประมูลในวันที่ 29 มิ.ย. 2568 นี้
ขณะเดียวกัน สหภาพแรงงาน บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ ได้เข้ามาแสดงจุดยืนคัดค้าน และยื่นข้อเรียกร้องต่อสำนักงาน กสทช. ให้ยุติการประมูลคลื่นครั้งนี้ ด้วยสภาพการแข่งขันในตลาดเอื้อให้เอกชนที่มีเงินทุนได้ประมูลคลื่น หวั่นผูกขาด และจะทำให้รัฐวิสาหกิจอย่าง NT ไม่มีคลื่นในมือสำหรับให้บริการโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ และบริการประชาชน ในขณะที่เอกชนกลับมีคลื่นเต็มมือ จึงเสนอให้มีการพิจารณาจัดสรรคลื่นใหม่สำหรับบริการประชาชนด้วย
โดยคำร้องขอของสหภาพแรงงาน NT (สร.ทช.) ระบุเหตุผลในการคัดค้านการประมูลคลื่นความถี่ดังนี้
1. คลื่นความถี่เป็นทรัพยากรของชาติ
สร.ทช. ย้ำว่าคลื่นความถี่เป็นทรัพยากรของชาติที่ กสทช. ควรจะกำกับดูแลเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติและประชาชน ไม่ใช่เพื่อกลุ่มทุนในธุรกิจโทรคมนาคม
2.ราคาประมูลไม่เหมาะสม
การประมูลเกิดขึ้นในช่วงที่ผู้ประกอบการไม่ได้ขาดแคลนคลื่นความถี่ในการให้บริการสื่อสารไร้สายเคลื่อนที่ อาทิ 5G และมีการกำหนดราคาประมูลขั้นต่ำที่ต่ำกว่าการประมูลในอดีต โดยไม่มีเงื่อนไขชัดเจนในการลดราคาค่าบริการให้กับประชาชน ซึ่งอาจส่งผลประโยชน์ให้แก่กลุ่มทุนมากกว่าประเทศชาติและประชาชน
3.ส่งเสริมการผูกขาดในตลาด
ในปัจจุบันธุรกิจสื่อสารไร้สายเคลื่อนที่จะเหลือผู้ให้บริการรายใหญ่เพียง 2 รายเท่านั้น สร.ทช. กังวลว่าการประมูลครั้งนี้จะไม่ส่งเสริมตลาดที่มีการแข่งขันอย่างเสรี เท่าเทียม และเป็นธรรม (Equality, Equity and Fairness) แต่จะส่งเสริมภาวะตลาดผูกขาดหรือกึ่งผูกขาด เนื่องจากมีผู้ให้บริการน้อยราย ซึ่งอาจคงอยู่ยาวนานถึง 15 ปี ตามระยะเวลาการอนุญาตใช้คลื่นความถี่ การผูกขาดนี้จะเอื้อประโยชน์ให้นายทุนกักตุนคลื่นความถี่ และปิดโอกาสผู้ให้บริการรายใหม่ รวมถึงรัฐวิสาหกิจ ไม่ให้เข้าถึงสิทธิในการใช้คลื่นความถี่เพื่อให้บริการประชาชน
4.ความสำคัญของโครงข่ายสื่อสารในฐานะโครงสร้างพื้นฐาน
แม้บริการสื่อสารโทรคมนาคมจะไม่ใช่บริการสาธารณูปโภคพื้นฐานโดยตรง แต่โครงข่ายสื่อสารโทรคมนาคมเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของบริการบรอดแบนด์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย Thailand 4.0 เพื่อพัฒนาประเทศสู่เศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล (Digital Economy) สร.ทช. ชี้ว่าไม่ควรมองบริการสื่อสารไร้สายเคลื่อนที่เป็นเพียงธุรกิจการแข่งขัน แต่ควรมองว่าเป็นการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต่อการพัฒนาสังคม เพื่อลดช่องว่างดิจิทัล (Digital Divide) และให้ประชาชนเข้าถึงบริการได้อย่างเท่าเทียมและเสมอภาค และเสนอให้ใช้รัฐวิสาหกิจ หรือ บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ ในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล
จากเหตุผลที่กล่าวมา สร.ทช. เสนอให้ กสทช. พิจารณาทางเลือกอื่นนอกเหนือจากการประมูลคลื่นความถี่ โดยเสนอแนวทางดังนี้
1. ขยายระยะเวลาการอนุญาตให้ บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ ให้ กสทช. พิจารณาดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2563 ที่ให้รัฐสนับสนุนคลื่นความถี่ที่เหมาะสมในการทำภารกิจแก่ บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ ซึ่งเกิดจากการควบรวมกิจการของ บมจ.ทีโอที และ บมจ.กสท โทรคมนาคม
โดยสั่งการให้ กสทช. ขยายระยะเวลาการอนุญาตให้ บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ ใช้คลื่นความถี่ที่เคยจัดสรรให้ (ย่าน 850 MHz, 2100 MHz และ 2300 MHz) ซึ่งกำลังจะสิ้นสุดลง เพื่อให้สามารถใช้อุปกรณ์โครงข่ายได้อย่างต่อเนื่อง และป้องกันไม่ให้อุปกรณ์เหล่านี้กลายเป็นเศษซากที่หมดมูลค่าการใช้งาน
2.พิจารณาแก้ไขกฎหมายเพื่อการจัดสรรคลื่นความถี่ที่เป็นประโยชน์ : ในระยะยาว สร.ทช. เสนอให้พิจารณาแก้ไขกฎหมายเพื่อให้มีเกณฑ์ในการจัดสรรคลื่นความถี่ด้วยวิธีการอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อชาติและประชาชน เช่น การแข่งขันโดยการเสนอรูปแบบการทำธุรกิจ (Business Model) และการจัดสรรคลื่นความถี่ให้รัฐวิสาหกิจ (บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ) เพื่อใช้งานในการประกอบกิจการ เช่นเดียวกับที่หน่วยงานทหารและหน่วยงานรัฐอื่น ๆ ได้รับการจัดสรรคลื่นความถี่ไปใช้งานโดยไม่ต้องผ่านการประมูล
เพื่อส่งเสริมการสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลให้กับหน่วยงานรัฐต่าง ๆ การใช้งานในมิติความมั่นคงของประเทศ และการส่งเสริมธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมให้เป็นตลาดแข่งขันอย่างเสรีและเป็นธรรมอย่างแท้จริง ไม่ใช่การผูกขาดธุรกิจโดยผู้ประกอบการเพียง 1-2 ราย