ยอดขายตก ต้นทุนพุ่ง ลูกค้าลด ปัญหาหนักอกของคนทำ ‘ร้านอาหาร’

LINE MAN Wongnai-CTC2025

ใคร ๆ ก็บอกว่าปีนี้เป็นปีที่ “เหนื่อย” ของคนทำร้านอาหาร เพราะต้องเผชิญกับปัจจัยลบรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง กำลังซื้อหดหาย ยอดขายร่วงแรง จนบางคนยื้อต่อไปไม่ไหว และตัดสินใจปิดร้านในที่สุด

แล้วท่ามกลางความท้าทายเหล่านี้ ร้านอาหารจะสามารถเอาตัวรอดได้อย่างไร ?

ในงาน Creative Talk Conference 2025 (CTC2025) “ยอด ชินสุภัคกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE MAN Wongnai ได้มาแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ของร้านอาหารในปัจจุบัน

“ยอด” บอกว่า ผู้ประกอบการร้านอาหารเผชิญกับปัญหายอดขายตกอย่างรุนแรง ซึ่งมีปัจจัยจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ทั้งราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้นตั้งแต่ปี 2023 ถึง 25% และค่าแรงเพิ่มอีก 5% ประกอบกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติกำลังซื้อสูงที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยช่วงครึ่งแรกของปี 2025 ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนราว 1.8%

เมื่อดูที่ Offline Same Store Sale หรือยอดขายแบบออฟไลน์ของร้านเดิมแบบปีต่อปี จะพบว่าลดลงอย่างน่าใจหาย โดยช่วงไตรมาส 2/2024 ลดลงจากไตรมาส 2/2023 ประมาณ 3% แต่ช่วงไตรมาส 2/2025 กลับลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 14% ซึ่งตัวเลขนี้ไม่ควรลดลงเยอะ เพราะสะท้อนว่าลูกค้าไม่กลับมากินซ้ำแล้ว

ส่วนจำนวนร้านอาหารเปิดใหม่ก็ลดลงเรื่อย ๆ จากครึ่งแรกของปี 2023 มี 9.6 หมื่นร้าน ช่วงเดียวกันของปี 2024 มีอยู่แค่ 6.3 หมื่นร้าน จนมาถึงปี 2025 เหลือ 4.4 หมื่นร้าน เฉลี่ยแล้วร้านอาหารเปิดใหม่น้อยลงปีละ 30% ที่สำคัญร้านที่ปิดตัวใน 1 ปี มีอยู่กว่า 50%

CTC2025

ADVERTISMENT

“แม้ว่าภาพรวมยอดขายแบบออฟไลน์จะตก แต่ยอดขายบนช่องทางดีลิเวอรี่กลับเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 2% ที่สำคัญ Ticket Size หรือคำสั่งซื้อต่อบิลของออร์เดอร์ที่จ่ายด้วยบัตร หรือ QR Code ยังมากกว่าออร์เดอร์ที่จ่ายด้วยเงินสดถึง 32% ร้านอาจพิจารณาเรื่องการขายผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น หรือใช้เทคโนโลยีมาช่วยดันยอดขายเพิ่มเติม เช่น ระบบ POS ที่ช่วยเก็บข้อมูลในการตัดสินใจทางธุรกิจ เป็นต้น”

เมื่อเจาะไปที่ประเด็นการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของร้านอาหาร ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยสร้างการเติบโต กลับพบว่าภาพรวมของทั้งอุตสาหกรรมมีร้านที่จดทะเบียนร้านอาหาร 21% ส่วนอีก 79% คือร้านที่ขายแบบไม่จดทะเบียน

ส่วนร้านอาหารที่อยู่บนระบบของ LINE MAN Wongnai มีแค่ 4% ที่จดทะเบียนนิติบุคคล ส่วนอีก 96% เป็นบุคคลธรรมดา แม้จะไม่มีความยุ่งยากในการจัดการงานหลังบ้าน แต่ก็เป็นดาบสองคมที่ทำให้ร้านไม่มีข้อมูลในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่เหมาะสม

“ความต้องการในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของร้านแต่ละขนาดก็ต่างกัน กลุ่มร้านใหญ่ต้องการทางลัดเข้าสู่ตลาดทุนที่ง่ายขึ้น เพื่อนำไปสู่การเข้า IPO หรือการทำดีลควบรวม (M&A) ส่วนร้านเล็กต้องการทำงานกับสถาบันการเงินรุ่นใหม่ที่ให้เงินทุนรายย่อย เพื่อเสริมสภาพคล่องในการทำธุรกิจ”

LMWN-CTC2025

ทั้งนี้ “ยอด” ยังฝากการบ้านถึงภาครัฐในการออกมาตรการช่วยเหลือร้านอาหารอย่างเป็นระบบตามขนาดร้านค้า โดย “ร้านใหญ่” ควรได้รับการสนับสนุนสิทธิทางด้านภาษีเชิงนโยบาย ส่วน “ร้านกลาง” ควรทำโครงการ Copayment เพื่อส่งเสริมการเติบโต เช่น โครงการคนละครึ่งในอดีต และ “ร้านเล็ก” ควรมาในรูปแบบของการสนับสนุนค่าใช้จ่าย และอุปกรณ์จำเป็นให้กับร้านในระบบภาษี

“ผมมองว่าสิ่งที่เป็นทางรอดของร้านอาหารในยุคนี้มีอยู่ 4 อย่าง คือ 1.ใช้เทคโนโลยี เพื่อเพิ่มยอดขายและลดค่าใช้จ่าย 2.ทำเพื่อขยาย ปรับรูปแบบของร้านให้สามารถขยายสาขา และสร้างการเติบโตได้ 3.การเข้าถึงแหล่งเงินทุน และ 4.การสนับสนุนจากภาครัฐ”