รายงานข่าวจากกลุ่มทรูเปิดเผยว่าตามที่ ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป ได้ยื่นคำร้องต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง เพื่อขอคุ้มครองชั่วคราวกรณีบริษัทในเครือเอไอเอส ได้นำสิทธิการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 เผยแพร่ผ่านแอพ AIS Play บนมือถือโดยไม่เคยได้รับอนุญาตจากทางทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป และฟีฟ่า ล่วงหน้านั้น
สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป ได้ส่งจดหมายแจ้งเตือนไปยังบริษัทในเครือเอไอเอส เพื่อขอให้ระงับการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ผ่าน AIS Play บนมือถือและอุปกรณ์เคลื่อนที่ แต่ยังไม่มีการยุติการเผยแพร่แต่อย่างใด
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- อย. เตือนอย่าซื้อผลิตภัณฑ์ CDS มาทาน อันตรายถึงชีวิต
- แห่ขายที่ดินพ่วงโรงงาน เอกชนถอดใจ-สินค้าจีนตีตลาด
ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จึงจำเป็นต้องยื่นคำร้องต่อศาลฯเพื่อขอคุ้มครองชั่วคราว เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดจากการละเมิดสัญญากับฟีฟ่า ในฐานะที่ ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป เป็นผู้ที่ได้รับสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว (Exclusive License) ผ่านทุกช่องทาง (All Rights) รวมทั้งผ่านมือถือและอุปกรณ์เคลื่อนที่ จำเป็นต้องดูแลและรับผิดชอบให้เป็นไปตามสัญญาที่ระบุไว้ โดยเฉพาะเรื่องการดูแลการละเมิดลิขสิทธิ์ต่างๆ
ซึ่งทรูวิชั่นส์มีสิทธิ์ในการดำเนินการต่างๆ เพื่อปกป้องสิทธิ์ที่เราได้รับจากฟีฟ่า หากทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป ไม่ดำเนินการใดๆ อาจถือเป็นการละเมิดสัญญากับฟีฟ่า ส่งผลให้ฟีฟ่าอาจปิดสัญญาณการถ่ายทอดสด ทำให้คนไทยไม่ได้ดูการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ในแมตช์สำคัญที่เหลืออยู่
และอาจทำให้ฟีฟ่าฟ้องร้อง กระทบต่อชื่อเสียงของประเทศไทย รวมทั้งอาจส่งผลต่อลิขสิทธิ์กีฬาระดับโลกของประเทศไทยต่อไปในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ตามข้อกำหนดคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ผู้ร้องจะต้องยื่นฟ้องคดีภายใน 15 วันนับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว มิฉะนั้นจะถือว่าคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวถือเป็นอันยกเลิกเมื่อครบกำหนด ดังนั้น วันนี้ (10 ก.ค. 2561) ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จึงจำเป็นต้องยื่นฟ้องในกรณีดังกล่าว เพื่อให้เป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย
