50 ปี CDG มองอดีต-อนาคตไอทีไทย

ภาพจาก http://www.cdg.co.th/

ก่อตั้งมา 50 ปีแล้วสำหรับ CDG บริษัทเทคโนโลยีสารสนเทศที่ให้บริการ SI : System Integrator กับองค์กรภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจอีกรายสำคัญ

“นาถ ลิ่วเจริญ” ประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัท CDG ได้ฉายภาพของการพัฒนาไอทีในไทย โดยระบุว่า เทคโนโลยีทุกวันนี้เปลี่ยนรวดเร็วต่างจากยุคก่อน ซึ่งหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือแม้แต่เอกชนจะต้องเผชิญกับความท้าทายนี้ จากอดีตที่มุ่งพัฒนาที่โครงสร้างพื้นฐานที่เป็น “เบสิกอินฟราสตรักเจอร์” ปัจจุบันรัฐบาลมุ่งสู่การพัฒนาในขั้นสูงด้วยการใช้ดาต้าอะนาไลติก

“รัฐบาลก็กระทบจากดิจิทัลดิสรัปชั่น ซึ่งต้องเชื่อมกับทั้งโลก ไทยแลนด์ 4.0 เป็นนโยบายที่ดี แต่ต้องทำให้ได้ตามกรอบเวลา ในปี 2559 อันดับ E-government ไทยอยู่ที่ 77 จาก 193 ประเทศ ถือว่ายังมีช่องว่างที่จะยกระดับเป็น better society ที่มี Digital government Digital citizen”

ฉะนั้นต้องผลักดันให้บริการภาครัฐและการใช้ชีวิตของประชาชน 1.ต้องสะดวกสบาย 2.รวดเร็ว 3.ถูกต้อง 4.มีความปลอดภัยและมีความเป็นส่วนตัว 5.โปร่งใส โดยจะสำเร็จต้องประกอบด้วย ดาต้าที่ถูกต้องและทันสมัย ต้องมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลของภาครัฐ-เอกชน ใช้กฎข้อบังคับอย่างจริงจัง ปรับกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อลดข้อจำกัด กำหนดความรับผิดชอบแต่ละหน่วยงานให้ชัด

“ความท้าทายในอีก 4-5 ปีนี้ มองว่าภาครัฐควรมีแผนที่ชัดเจน เพราะว่าการพัฒนาต้องประกอบด้วยหลายอย่าง เช่น กฎหมาย บุคลากรที่เป็นข้อจำกัดและต้องทำให้เร็ว”

ขณะที่ 5 เมกะเทรนด์ที่เปลี่ยนโลก ได้แก่ 1.ความสมาร์ทที่ซอฟต์แวร์ฉลาดขึ้นเรื่อย ๆ จากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ โรโบติก deep learning 2.ประพฤติกรรมคนที่เปลี่ยนไป เน้นใช้สมาร์ทโฟนและชอบความเร็ว 3.พลังของผู้บริโภคในการเลือกซื้อ 4.เมืองใหญ่ที่มีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งต้องสร้างสมาร์ทซิตี้เพื่อดึงดูดคน 5.พลังงานสะอาด

โดยมี 10 เทคโนโลยีสำคัญได้แก่ 1.โซลูชั่น 2.ดาต้าอะนาไลติก 3.บล็อกเชน 4.โลจิสติกส์ 5.บริการแอปพลิเคชั่น 6.ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) 7.โซลูชั่นเอาต์ซอร์ซ 8.IoT 9.โซลูชั่นเฉพาะทาง 10.ระบบความปลอดภัย

“CDG จากนี้จะเน้นบิ๊กดาต้า, เอไอ, IoT และซีเคียวริตี้ ซึ่งยังมีช่องว่างเยอะทั้งในรัฐและเอกชน โดยจะเร่งพัฒนาคน สร้างความรู้เฉพาะทางมากขึ้น เพื่อประโยชน์สูงสุดของลูกค้า การเชื่อมต่อให้ภาครัฐเชื่อมข้อมูลของภาครัฐด้วยกันได้ สร้างพาร์ตเนอร์ของเอกชนและรัฐ และทำสิ่งที่ดีให้กับสังคม ซึ่งเป็นจุดยืนที่ยึดถือมาตลอด”

ในปีที่ผ่านมาซีดีจีมีรายได้ 5,000 ล้านบาท โดยรายได้หลักกว่า 90% มาจากภาครัฐ ตั้งเป้าเติบโต 10% และขยายไปต่างประเทศแล้ว อาทิ เวียดนาม และเมียนมา