“Drop” ผู้พลิกโฉม Reward Programs

ภาพจากเฟซบุ๊ก Drop
คอลัมน์ สตาร์ตอัพปัญหาทำเงิน โดย มัชฌิมา จันทร์สว่างภูวนะ

ใคร ๆ ก็ชอบของฟรีทั้งนั้น ยิ่งยุคข้าวยากหมากแพง ส่วนลด5 บาท 10 บาท ก็มีค่า จึงไม่แปลกที่กระเป๋าสตางค์ของเราจะตุงและบวมขึ้นทุกวันอัดแน่นไปด้วยสารพัดบัตรส่วนลด บัตรสะสมแต้มอีกบานตะไท

ปัญหาคือ เจ้า Reward Programs ต่าง ๆ นี้ มักซับซ้อนซ่อนเงื่อนผู้ใช้ต้องมีสมองอันชาญฉลาดจึงจะเข้าใจและจดจำเงื่อนไขการใช้งานได้ครบ

สตาร์ตอัพที่เราจะนำเสนอในวันนี้จึงพัฒนาบริการขึ้นมาเพื่อให้ผู้บริโภคได้ส่วนลดหรือของกำนัลต่าง ๆ โดยไม่ต้องเปลืองสมองอีกต่อไป

สตาร์ตอัพแห่งนี้ชื่อว่า “Drop” เป็นเจ้าของแอปพลิเคชั่นชื่อเดียวกัน เมื่อดาวน์โหลดมาปุ๊บเพียงแค่ผูกบัญชีเข้ากับบัตรเครดิต/เดบิต (กี่ใบก็ได้ ยิ่งเยอะยิ่งดี) จากนั้นทุกครั้งที่ใช้บัตรรูดซื้อสินค้าหรือบริการอะไรระบบจะคำนวณแต้มสะสมตามยอดเงินที่รูดไปทันที

สะสมได้ตามยอดแล้วก็ใช้แลกเป็นส่วนลดหรือรับสินค้าฟรีจากแบรนด์ต่าง ๆ ที่เป็นพันธมิตรกับบริษัท ปัจจุบันมีหลายร้อยแบรนด์ เช่น Walmart, Jet.com, Boxed, Groupon, Hotels.com, ASOS, Warby Parker, Costco, Starbucks, Forever 21, adidas เป็นต้น

Drop ทำหน้าที่เป็นผู้รวบรวมโปรแกรมสมนาคุณลูกค้าของห้างร้านต่าง ๆ ไว้ในแอปเดียว ทำให้เข้าถึงแต้มสะสมเพื่อรับส่วนลดต่าง ๆ มากขึ้นกว่าเดิม เพราะใช้แต้มสะสมกับทุกร้านที่เป็นพันธมิตร เช่น หากซื้อกาแฟที่สตาร์บัคส์ แล้วได้แต้มสะสม ก็ไม่จำเป็นต้องเก็บไว้ใช้เพื่อรับเป็นส่วนลดค่ากาแฟในครั้งต่อไปเท่านั้น แต่เลือกเปลี่ยนเป็นส่วนลดค่าแท็กซี่ Uber หรือส่วนลดเวลาซื้อแว่นตาที่ Warby Parker ได้เช่นกัน

ข้อดีเมื่อเทียบกับ reward/loyalty program แบบเก่า ก็คือ

1.ใช้ง่าย เพียงแค่มีมือถือและบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตของแบงก์ไหนก็ได้

2.ไม่ต้องพกบัตรส่วนลดหรือบัตรสะสมแต้มให้กระเป๋าตุงเสียทรง

3.ไม่ต้องกลัวไม่ได้รับสิทธิหากลืมบัตร

4.ไม่ต้องเปลืองสมองจดจำว่ามีแต้มสะสมเท่าไร ใช้แลกเป็นส่วนลดอะไรได้บ้าง เพราะพอเปิดแอป ก็จะเห็นยอดสะสม พร้อม offers ลด แลก แจก แถม ต่าง ๆ ทันที และ

5.ซื้อของร้านไหนก็ได้แต้มสะสม ไม่จำเป็นต้องเข้าเฉพาะร้านใดร้านหนึ่ง

ห้างร้านที่จ่ายเงินเพื่อเป็นพันธมิตรของ Drop ก็ได้ประโยชน์ด้วย เพราะ 1.ใช้แอปเป็นช่องทางเจาะเข้าหาลูกค้าเป้าหมายโดยดูจากประวัติการช็อป

ผ่านบัตรที่ผ่านมา 2.มี data insights เพื่อวัดผลโปรโมชั่นต่าง ๆ ได้ทันที และ 3.ใช้ข้อมูลในระบบออกแบบ loyalty program ใหม่ ๆ ตามเทรนด์การใช้งานที่เปลี่ยนไปของลูกค้าเพื่อรักษาความสัมพันธ์ให้ยั่งยืนต่อไป

Drop ก่อตั้งโดย “แดริก ฟัง” เปิดบริการครั้งแรกในโทรอนโต แคนาดา ปี 2016 ขยายบริการมาฝั่งอเมริกาปี 2017 บริษัทระดมทุนได้ทั้งสิ้น 52 ล้านเหรียญ

ปีที่แล้วเป็นแอปที่ได้รับความนิยมสูงสุดอันดับ 2 ในหมวดไลฟ์สไตล์ของ Apple app store ปัจจุบันยังติด 1 ใน 5 อันดับแรก โดยมีผู้ดาวน์โหลดไปใช้กว่า 1 ล้านคน และจะขยายไปประเทศอื่น ๆ เช่น อังกฤษ ออสเตรเลีย และโปแลนด์ ต่อไป