ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2561 บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น(ดีแทค) ได้ชี้แจงกรณีที่ดีแทคยื่นฟ้องเพิกถอนมติ กสทช. และขอคุ้มครองลูกค้าชั่วคราวต่อศาลปกครอง เพื่อขอเข้าสู่มาตรการเยียวยาลูกค้าให้สามารถใช้บริการได้ต่อเนื่อง ภายหลังสัมปทานระหว่าง ดีแทคกับ บมจ. กสท โทรคมนาคม(แคท) จะสิ้นสุดลงในวันที่ 15 ก.ย. 2561
นายราจีฟ บาวา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มกิจการองค์กรและพัฒนาธุรกิจ บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) กล่าวว่า ภายใต้แบรนด์ “ดีแทค” ที่เป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้น มีการใช้คลื่นความถี่อยู่ 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.คลื่น 850 MHz และ 1800 MHz ภายใต้สัมปทานกับแคท 2. คลื่น 2100 MHz ที่บริษัทดีแทค ไตรเน็ต บริษัทในเครือได้ประมูลคลื่นและรับใบอนุญาตจาก กสทช. 3. คลื่น 2300 MHz ที่เป็นพันธมิตรร่วมกับบมจ.ทีโอที
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ราคาทองวันนี้ (24 เม.ย. 67) พุ่งขึ้น 250 บาท ทองรูปพรรณ 41,100 บาท
ดังนั้นแม้ว่าลูกค้าดีแทคที่ยังอยู่ภายใต้สัมปทานจะมีอยู่ราว 346,000 เลขหมาย แต่จะมีลูกค้าในระบบใบอนุญาตใช้งานคลื่น 850 MHz ด้วยการโรมมิ่งจำนวนมาก ฉะนั้น หาก กสทช. ไม่ได้ให้ดีแทคเข้าสู่มาตรการเยียวยาลูกค้าหลังสิ้นสุดสัมปทาน ด้วยการเปิดให้บริการต่อเป็นการชั่วคราว เพื่อให้ลูกค้าได้ใช้งานต่อเนื่อง เหมือนที่อีก 2 ค่ายมือถือได้ใช้สิทธิ์ไปก่อนนี้เป็นเวลา 9 – 26 เดือน
“จะทำให้มีลูกค้าราว 1 ล้านเลขหมายที่ได้รับผลกระทบจากการปิดระบบบนคลื่น 850 MHz หลังสิ้นสุดสัมปทาน เนื่องจากเป็นกลุ่มที่อยู่ในพื้นที่ที่ต้องพึ่งพาการใช้งานบนคลื่น 850 MHzเป็นหลัก”
ดีแทคจึงจำเป็นต้องยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง หลังจาก กสทช. ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีมติให้ ดีแทค ได้สิทธิ์ในการเยียวยาผู้บริโภคเพื่อให้ใช้งานได้ต่อเนื่องหลังสิ้นสุดสัมปทานหรือไม่
ขณะเดียวกันได้เร่งขยายโครงข่ายบนคลื่นที่มีอยู่เพื่อชดเชยพื้นที่การให้บริการที่อาจจะได้รับผลกระทบหากต้องปิดระบบคลื่น 850 MHz และเตรียมทีมพนักงานเพื่อสื่อสารกับลูกค้าเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว