ซีอีโอใหม่ “ลาซาด้า” ไม่สนคู่แข่งมุ่งโฟกัสลูกค้าย้ำเบอร์ 1

ปฏิเสธไม่ได้ว่า “ลาซาด้า” อีคอมเมิร์ซรายใหญ่ที่รุกตลาดไทยตั้งแต่ 6 ปีก่อน ถือเป็นเบอร์ 1 ในตลาด วันนี้ได้เปลี่ยนแม่ทัพใหม่จาก “อเล็กแซนดรอ บิสชินี” ที่นั่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารมาหลายปีตั้งแต่ยุคที่ “อาลีบาบา” ยังไม่ได้ซื้อกิจการจาก Rocket Internet

โดยตั้งแต่กลาง ส.ค.ที่ผ่านมา บริษัทแม่จากแดนมังกรได้ให้ “เจมส์ ตง” ที่เดิมเป็น head of globalization corporate strategy & development Alibaba Group มาดูแลตลาดไทยโดยเฉพาะ

ถึงแม้แม่ทัพใหญ่จะเปลี่ยน แต่ “เจมส์ ตง” ยืนยันว่า ยังใช้ทีมบริหารและการตลาดเดิม เพราะแข็งแรงอยู่แล้ว และมั่นใจว่าสามารถร่วมมือกันเดินหน้าธุรกิจให้แข็งแรงต่อได้ แต่จะนำเทคโนโลยีของอาลีบาบาเข้ามาเสริมให้แข็งแกร่งขึ้นไปอีก และสร้างกลยุทธ์ในระยะยาว ซึ่งปัจจุบันลาซาด้าประเทศไทยมีพนักงานกว่า 1,000 คน และมีร้านค้าในระบบไม่ต่ำกว่าหมื่นราย

เจมส์ ตง

“อาลีบาบา กรุ๊ป ผู้ถือหุ้นในลาซาด้า ได้ลงทุนระบบโลจิสติกส์ EEC (เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก) จึงมั่นใจว่าจากนี้บริษัทจะมีโอกาสและรายได้ในทิศทางที่ดีขึ้นแน่นอน แต่ไม่ได้กำหนดว่าลาซาด้าจะต้องมีกำไรเมื่อไหร่”

ขณะที่ซีอีโอใหม่มุ่งมั่นจะสร้างระบบนิเวศของอีคอมเมิร์ซในไทยให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เพราะเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโตได้อีกมาก ทั้งจากจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตที่แพร่หลาย แม้ส่วนใหญ่จะใช้เวลากับโซเชียลมีเดีย แต่ก็เป็นโอกาสดึงดูดให้หันมาช็อปออนไลน์มากขึ้น ฝั่งผู้ขายก็เติบโตมาก ทั้งจากการสนับสนุนของภาครัฐ และอาลีบาบากรุ๊ปยังได้ร่วมมือกับรัฐบาลไทยช่วยอบรมธุรกิจออนไลน์ให้ผู้ประกอบการท้องถิ่นหรือรายย่อย เพื่อช่วยเปิดตลาด

“ลาซาด้าคงครองเบอร์ 1 ในตลาด แม้ว่าคู่แข่งจะเยอะ แต่เราไม่ได้โฟกัสที่คู่แข่ง เพราะธุรกิจนี้มีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาตลอด ถ้ามัวแต่สนใจคู่แข่ง ก็จะทำให้ไม่ได้โฟกัสในธุรกิจของตนเอง ฉะนั้น ลาซาด้าจะโฟกัสที่ความต้องการของลูกค้าและตอบโจทย์ให้ได้”

และด้วยการทำตลาดไทยมายาวนานถึง 6 ปีแล้ว จึงเชี่ยวชาญและรู้พฤติกรรมของผู้บริโภคไทยเป็นอย่างดี ที่ผ่านมาได้พัฒนาฟีเจอร์และบริการใหม่ ๆ อยู่ตลอด อาทิ “ลาซาด้าวอลเลต” ที่ช่วยให้ลูกค้าชำระเงินค่าสินค้าในลาซาด้าได้สะดวกขึ้น ทั้งยังลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานต่อเนื่อง อาทิ โกดังสินค้า, ระบบขนส่ง ซึ่งตั้งเป้าจะพัฒนาให้สามารถส่งสินค้าถึงมือลูกค้าได้ภายใน 1 ชั่วโมง

ล่าสุดลาซาด้าได้เปิด “Lazmall” (ลาซมอลล์) ห้างสรรพสินค้าออนไลน์ที่รวมแบรนด์ดังไว้ให้ช็อปปิ้ง และการันตี 100% ว่าสินค้าเป็นของแท้ หากเป็นสินค้าปลอมจะได้เงินคืน 2 เท่าของราคาสินค้า พร้อมคืนสินค้าได้ภายใน 15 วัน หากสินค้าไม่ถูกใจหรือไม่ดีตามที่คาดหวัง ทั้งยังส่งสินค้าถึงมือได้ภายใน24 ชั่วโมงหลังสั่งซื้อ

พร้อมจัดมหกรรมการช็อปปิ้งออนไลน์ใหม่ “9.9” พร้อมกัน 6 ประเทศที่เปิดให้บริการ ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และ เวียดนาม ทั้งหมดเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการกับลาซาด้า รวมถึง “ซื้อซ้ำ” อย่างต่อเนื่อง


“เราอยู่ในโลกที่ไม่ได้มีเวลาเหลือเฟือ เพราะมักโดนสิ่งต่าง ๆ รอบตัวมาดึงเอาเวลาและความสนใจไป ดังนั้นสิ่งที่จะกำหนดให้ธุรกิจอีคอมเมิร์ซหยุดนิ่งหรือไปต่อได้นั้น ก็คือความสามารถของอีคอมเมิร์ซเอง ว่าจะสามารถสร้างฐานลูกค้าและทำให้กลับมาซื้อสินค้าได้หรือไม่”