คอลัมน์ Pawoot.com
โดย ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ
ที่น่าสังเกตเกี่ยวกับ “ยูทูบ” คือสมัยก่อนเงินที่เคยมาลงโฆษณาในทีวี เมื่อคนดูน้อยลงแบรนด์ต่าง ๆ โดยเฉพาะพวก FMCG จึงหันมาลงโฆษณาในยูทูบ เพราะเลือกทาร์เก็ตได้ว่าต้องการให้เป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย สังเกตได้จากเวลาที่เราดู “ยูทูบ” จะเห็นโฆษณาแตกต่างกันไป เช่น ผู้ชายอาจเห็นโฆษณารถยนต์หรืออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ส่วนผู้หญิงอาจเห็นโฆษณาเครื่องสำอาง
การโฆษณาที่ตรงไปยังทาร์เก็ตที่แบรนด์ต้องการจริง ๆ ทำให้ “ยูทูบ” กลายเป็นเครื่องมือที่แบรนด์เริ่มนิยมใช้เงินมากขึ้น
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- “ทอง” รับข่าวร้ายดันราคาขาขึ้น บาทอ่อนค่าจ่อทะลุ 37 บาท
- แห่ขายที่ดินพ่วงโรงงาน เอกชนถอดใจ-สินค้าจีนตีตลาด
อันดับสาม เรียกว่า Display Ad เช่น การซื้อโฆษณาใน “กูเกิล” ที่เป็นแบนเนอร์ หรืออื่น ๆ “เฟซบุ๊ก” เองได้เพิ่มบริการใหม่ ๆ มากขึ้นอย่าง Facebook Live หรือที่เพิ่งเปิดตัว คือ Facebook Watch เป็นปุ่มที่มีลักษณะคล้ายทีวี เมื่อกดเข้าไปดูอารมณ์จะคล้าย ๆ กับ “ยูทูบ” คือเป็นการรวมวิดีโอต่าง ๆ ไว้ทั้งหมด
ในแง่ของโฆษณาออนไลน์จะเห็นว่ามีความเก่งมากขึ้น มี creative มากขึ้น บางบริษัทเริ่มเปิดออฟฟิศในประเทศอย่าง Facebook เริ่มขยายออฟฟิศในไทยจริงจัง YouTube เริ่มมีทีมคนไทยเพิ่มขึ้น ผมมีโอกาสได้เชิญทีมงานกูเกิลของสิงคโปร์ที่เป็นคนไทยมาพูดเกี่ยวกับเรื่อง YoutTube marketing สิ่งที่น่าสนใจมาก คือ คนที่ดูยูทูบส่วนใหญ่เป็นคนต่างจังหวัด และช่อง “ยูทูบแชนเนล” ที่มีคนตามเยอะ ๆ คือ
พวกอาร์สยาม, เพลงลูกทุ่ง ฯลฯ เป็นสัญญาณที่เห็นได้ชัดว่า เทคโนโลยีและสื่อโฆษณาไม่ได้อยู่เฉพาะแค่คนเมืองเท่านั้น แต่ออกไปสู่กลุ่มคนที่อยู่ต่างจังหวัดมากขึ้นด้วย จึงกลายเป็นสื่อโฆษณาที่แบรนด์ต่าง ๆ เริ่มหันมาให้ความสนใจมากขึ้น เพราะทาร์เก็ตกลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจน ขณะเดียวกัน ราคาก็ถูกกว่าเดิมมากจริง ๆ
ส่วนที่เป็น rising star แพลตฟอร์มโฆษณาออนไลน์ที่มีอัตราการเติบโตมากที่สุด คือ Twitter เริ่มมีความชัดเจน เพราะกลุ่มเด็ก ๆ เริ่มมาอยู่ในทวิตเตอร์เยอะมากขึ้น และอัตราการเติบโตการใช้งานทวิตเตอร์ปีต่อปีโตเกือบ 30% ขณะที่อัตราการใช้ “เฟซบุ๊ก” ปีต่อปีโตแค่ 4% เท่านั้น
นั่นคือคนใช้ “เฟซบุ๊ก” ในเมืองไทยกำลังอิ่มตัว ขณะที่คนใช้ “ทวิตเตอร์” กำลังเติบโตเพราะเด็ก ๆ เริ่มหนีจากเฟซบุ๊กไปอยู่ในทวิตเตอร์ เนื่องจากผู้ปกครองส่วนใหญ่มักอยู่ในเฟซบุ๊ก
อีกปัจจัยคือเมื่อก่อนการทำโฆษณาในทวิตเตอร์ต้องทำผ่านเอเยนซี่ เดี๋ยวนี้ไม่ต้องแล้วเพราะมีบริการ self service อยากลงโฆษณาในทวิตเตอร์ก็ทำได้เลยเหมือนการทำใน Facebook ad
