Roman ต่อยอด บริการสุขภาพออนไลน์

ภาพ Pixabay

คอลัมน์ สตาร์ตอัพปัญหาทำเงิน

โดย มัชฌิมา จันทร์สว่างภูวนะ

เราเคยเขียนถึง Roman ไปเมื่อไม่นานมานี้ว่า เป็นสตาร์ตอัพที่น่าจับตา ด้วยบริการที่ตอบโจทย์อย่างการให้คำปรึกษา และจ่ายยาออนไลน์สำหรับคุณผู้ชายที่มีอาการ “นกเขาไม่ขัน” นั่นเอง

จากรายงานล่าสุด สตาร์ตอัพรายนี้ไปไกลฉุดไม่อยู่แล้วค่ะ เพราะเพิ่งระดมทุนมาได้ถึง 88 ล้านเหรียญ ทำให้มีเงินทุนทั้งสิ้นตั้งแต่เปิดให้บริการมาเพียงแค่ 1 ปี กว่า 90 ล้านเหรียญ

“เซ็คคาริย่า ริทาโน่” นักพัฒนาซอฟต์แวร์หนุ่มวัย 27 ปี ผู้ก่อตั้งบริษัทบอกว่า นับจากเปิดให้บริการ มีคนไข้มาขอคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญผ่านระบบ telemedicine ของ Roman แล้วกว่า 1 ล้านครั้ง

ล่าสุด Roman เพิ่งรีแบรนด์โดยตัดคำว่า “man” ออกเหลือแค่ “Ro” ตัวเดียว เพื่อขยายบริการให้ครอบคลุมปัญหาสุขภาพของคนทุกเพศ ทุกวัย

สินค้าตัวแรกที่เปิดตัวภายใต้แบรนด์ใหม่ คือ ชุดช่วยเลิกบุหรี่ หรือ quit smoking kit ที่มีชื่อว่า Zero 1 ชุด ราคา 129 เหรียญ ประกอบด้วย ยาช่วยเลิกบุหรี่ (Bupropion) และหมากฝรั่งลดอาการอยากนิโคติน สำหรับ 1 เดือน พร้อมแอปให้โหลดมาใช้ฟรีเพื่อติดตามอาการ

แต่ก่อนจะซื้อมากินต้องได้รับการวินิจฉัยอาการจากแพทย์ก่อน ผู้อยากเลิกบุหรี่สามารถสมัครรับคำปรึกษาจากแพทย์ผ่านระบบออนไลน์ของ Ro (ค่าบริการครั้งละ 15 เหรียญ) โดยกรอกแบบฟอร์มระบุประวัติต่าง ๆ ให้ละเอียด หลังจากนั้นภายใน 2 ชั่วโมง หมอจะส่งคำวินิจฉัยอาการกลับมา หากพบว่าคุณจำเป็นต้องใช้ยาในการบำบัด หมอก็จะสั่งจ่ายยาให้ตามอาการ โดยยาจะถูกส่งให้ถึงบ้าน

ราคานี้เรียกว่าคุ้มสุด ๆ เพราะแค่หมากฝรั่งที่ขายใน Amazon ยังปาเข้าไปตั้ง 120 เหรียญแล้ว (สำหรับกิน 1 เดือน) แต่เซ็คคาริย่าหวังว่า การยอมหั่นราคาของ Zero จะจูงใจให้คนอยากเลิกบุหรี่มากขึ้น

จากการสำรวจของบริษัทพบว่า คนสูบบุหรี่ทั้งหมด 3.5 ล้านคนในอเมริกา มีถึง 70% ที่อยากเลิก และกว่า 50% พยายามที่จะเลิกมาแล้วอย่างน้อยปีละครั้ง ตัวเลขนี้มีโอกาสเพิ่มขึ้นเป็น 33% หากได้รับการบำบัดที่ถูกวิธี เช่น มีการพบแพทย์ กินยาต่อเนื่อง รวมทั้งใช้ตัวช่วยอื่น ๆ เจ้า Zero จึงน่าสนใจทั้งในแง่ของคุณภาพและราคา

แต่มีข้อจำกัดคือ คนไข้ยังเบิกค่ายาและค่าพบหมอจากประกันสุขภาพที่มีไม่ได้ ซึ่งหมายถึงคนรายได้น้อยก็อดเข้าถึงบริการดี ๆ อย่างนี้ไปด้วย

อีกปัญหาหนึ่งคือ เครือข่ายหมอของ Ro ยังไม่ครอบคลุมทั่วประเทศ จึงให้บริการได้เฉพาะบางรัฐที่มีคุณหมอประจำเท่านั้น (หมอที่จะสั่งจ่ายยาต้องมีใบอนุญาตของรัฐนั้น ๆ) แต่เงินทุนที่

เพิ่งระดมมาได้ก้อนโตน่าจะช่วยให้ขยายเครือข่ายได้กว้างและรวดเร็วขึ้น