ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่าในวันนี้ (18 ตุลาคม 2561) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้ร่วมลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงร่วมกัน หรือ LoI (Letter of Intent) ระหว่างสำนักงาน กสทช. และองค์กร The Fifth Generation Mobile Communication Promotion Forum (5GMF) แห่งประเทศญี่ปุ่น
โดยนายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร รองเลขาธิการ กสทช. และศาสตราจารย์กิตติคุณ Susumu YOSHIDA ประธาน 5GMF เพื่อสร้างกรอบความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนแนวทางในการสนับสนุนให้เกิดการใช้งานเทคโนโลยีสื่อสาร 5G ในทั้งสองประเทศ รูปแบบการประยุกต์ใช้งานรูปแบบใหม่ การวิจัยและพัฒนา รวมถึงประสบการณ์ในการทดสอบภาคสนามเพื่อวิเคราะห์โอกาสและอุปสรรคก่อนการลงโครงข่ายเชิงพาณิชย์ ซึ่งจะสามารถนำมาพิจารณาปรับใช้กับประเทศไทยได้
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
โดย สำนักงาน กสทช.คาดว่ากิจกรรมภายใต้กรอบความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนให้การเกิดขึ้นของเทคโนโลยี 5G และการพัฒนาการประยุกต์ใช้งานรูปแบบใหม่ อันจะช่วยให้ระบบเศรษฐกิจดิจิทัลในประเทศไทยสามารถก้าวไปพร้อมกับกลุ่มประเทศผู้นำและผู้ผลิตเทคโนโลยี 5G ได้
และทั้งสองฝ่ายได้รับเกียรติจากรองศาสตราจารย์ประเสริฐ ศีลพิพัฒน์ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงร่วมกัน ในครั้งนี้ ซึ่งจัดขึ้นต่อเนื่องกับการประชุม International Workshop on the Fifth Generation Mobile Communications Systems (5G) 2018 ณ จังหวัด ชิบะ ประเทศญี่ปุ่น
“มาตรฐานฮาร์ดแวร์น่าจะสรุปในปีนี้ ตามด้วยการเรียกคืนคลื่น เพราะโดยกระบวนการต้องใช้เวลา 9 เดือน ขณะที่การทดสอบบริการในบางพื้นที่ โดยจะเริ่มที่สำนักงาน กสทช.ก่อนในเดือนมกราคมปีหน้า เรื่อง 5G จะไม่ใช่แค่เรื่องโทรคมนาคม” รองเลขาธิการ กสทช.กล่าวและว่า
ส่วนเรื่องความร่วมมือในการศึกษาทดลองบริการ 5G นอกจากญี่ปุ่นแล้วก็คงต้องร่วมมือกับค่ายจีน และค่ายตะวันตกด้วย เพราะเรากำลังพูดถึงเรื่องที่ใหม่และใหญ่กว่าที่เราเคยทำ
“ทั้งคลื่นและอุปกรณ์เกิดจากการคิดและพัฒนาของตนเอง แต่ท้ายสุดจะมีมาตรฐานกลาง โลกจะเล็กลง เชื่อมต่อเป็นมาตรฐานเดียวกัน การร่วมมือจะเป็นทั้งวิชาการ และในมิติที่เกี่ยวกับไอโอทีด้วย เราจะไม่ออกกฎเยอะและทำเท่าที่ควรทำ”