
Facebook ประเทศไทย เปิดเผยผลศึกษาเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่จะก้าวขึ้นมาเป็นชนชั้นกลาง (Emerging Middle Class) ในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของเทคโนโลยีดิจิทัลที่มีต่อพฤติกรรมและรูปแบบการซื้อที่เปลี่ยนไปของคนกลุ่มนี้ เพื่อเป็นข้อมูลให้กับกลุ่มธุรกิจในการเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มใหม่กลุ่มนี้ได้
โดยได้ทำงานร่วมกับ Bain & Company และ Quantum ผู้เชี่ยวชาญการศึกษาวัฒนธรรมและสังคมของมนุษย์ สำรวจกลุ่มผู้บริโภค 12,000 คน ในอินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม โดยเป็นการสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้ร่วมตอบแบบสำรวจ 80 คน ภายในที่พักอาศัยของพวกเขาจากทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และการสัมภาษณ์กับกลุ่มผู้บริโภคอีกจำนวน 160 คน การศึกษาครั้งนี้ครอบคลุม 16 เมืองทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
“จอห์น แวกเนอร์” กรรมการผู้จัดการ Facebook ประเทศไทย กล่าวว่า ประชากรชนชั้นกลาง 49 ล้านคนของประเทศไทยนั้น เป็นหนึ่งในส่วนสำคัญของการเติบโตอย่างรวดเร็วของชนชั้นกลางในอาเซียน โดยภายในปี 2565 ทั้งอาเซียนจะมีประชากรชนชั้นกลาง 350 ล้านคน และมีรายได้ในครัวเรือน 3 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอีก 50 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ในช่วงปี 2560 ถึง 2565 เทคโนโลยีทำให้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นอกรอบตัวเมืองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สามารถมีส่วนร่วมในเศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างเต็มที่ โดยคาดว่าการใช้จ่ายผ่านมือถือจะสูงถึง 3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ในขณะที่โลจิสติกส์บนอีคอมเมิร์ซ จะเติบโตขึ้นถึง 7.5 – 9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2565
ขณะที่การสัมภาษณ์นักธุรกิจชั้นนำทั่วภูมิภาค 77 % เห็นตรงกันว่า กลุ่มผู้บริโภคที่จะก้าวขึ้นมาเป็นชนชั้นกลางนี้จะเป็นพลังขับเคลื่อนธุรกิจที่สำคัญมาก ทั้งนี้ เพียง 15 %ที่คิดว่าธุรกิจของตนมีกลยุทธ์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายหลักกลุ่มนี้แล้ว (ผลิตภัณฑ์ การตลาด และยอดขาย/การกระจายสินค้า)
“ชนชั้นกลางกลุ่มใหม่เข้าถึงเศรษฐกิจผ่านการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน ธุรกรรมทางการเงินออนไลน์ และโลจิสติกส์ที่มากยิ่งขึ้น และยังใช้เทคโนโลยีเหล่านี้เพื่อการพัฒนาและเติบโตในหลายๆ มิติ สิ่งที่สร้างแรงบันดาลใจมากที่สุดที่เราเห็นคือ การที่คนไทยใช้ช่องทางดิจิทัลในการแสดงออกถึงตัวตนและสร้างอนาคตที่ดีขึ้น การเชื่อมต่อกันในโลกดิจิทัลนี้ทำให้ผู้คนมีพลังอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เป็นพลังของการเลือกสรร และพวกเขาก็แสดงออกในวิธีที่แตกต่างกันออกไป”
4 เทรนด์หลักที่พบคือ
“การเลือกที่จะเป็นตัวของตัวเอง”
ผู้บริโภคที่จะก้าวขึ้นมาเป็นชนชั้นกลางจะต่างไปจากคนรุ่นก่อนๆ ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลช่วยให้พวกเขาเข้าถึงแหล่งข้อมูล และสามารถเลือกที่จะมีตัวตนและอัตลักษณ์ที่ทันสมัย โดยยังยึดถือคุณค่าทางวัฒนธรรมแบบดั้งเดิม
“การเลือกเข้ากลุ่มทางสังคม”
พื้นที่บนโลกออนไลน์ได้หลอมรวมผู้คนเข้าไว้ด้วยกันด้วยความสนใจหรืองานอดิเรกที่เหมือนกัน โดยไร้ข้อจำกัดทางด้านพื้นที่ทางกายภาพและสถานที่ ชุมชนบนโลกออนไลน์ยังสามารถช่วยหล่อหลอมทัศนคติ พฤติกรรม และมุมมองต่อโลกได้อีกด้วย
“การเลือกตามความฝัน”
ภาวะเศรษฐกิจสังคมซึ่งจากเดิมเป็นข้อจำกัดของโอกาส แต่พื้นที่บนโลกออนไลน์ช่วยให้ความมุ่งหวังกลายเป็นความฝันที่เป็นจริงได้
“การเลือกเติมเต็มความสุข”
กลุ่มผู้บริโภคที่จะก้าวขึ้นมาเป็นชนชั้นกลางมีความซับซ้อนมากขึ้นในพฤติกรรมการใช้จ่าย รวมไปถึงวิธีหรือช่องทาง คนกลุ่มนี้จะเลือกซื้อสิ่งที่เติมเต็มความสุขของพวกเขา ได้แก่ ความงาม การท่องเที่ยว ประสบการณ์ และสินค้าแบรนด์ต่างๆ
“ปัจจุบัน การแพร่หลายของสื่อดิจิทัลช่วยเปิดโลกแห่งโอกาสให้กับกลุ่มผู้บริโภคที่จะก้าวขึ้นมาเป็นชนชั้นกลางที่มีรายได้ในครัวเรือนเพิ่มขึ้น และใส่ใจในสิ่งที่พวกเขาซื้อมากยิ่งขึ้น ผู้คนในภูมิภาคนี้มีโอกาสทางเศรษฐกิจที่เพิ่มมากขึ้น การที่เราจะเติบโตไปพร้อมกับประชาชนกลุ่มใหม่กลุ่มนี้ได้ ภาคธุรกิจสามารถมองหาโอกาสในการปรับกลยุทธ์และค้นหาวิธีที่จะเติบโตไปพร้อมกับคนกลุ่มนี้”
ขณะที่ “เวทิต โชควัฒนา” กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ผลการศึกษาครั้งนี้น่าสนใจสำหรับธุรกิจที่สามารถไปคิดต่อได้ว่าจะนำเสนอสินค้าที่มีความเฉพาะพิเศษ มีความพรีเมียมและตอบโจทย์ผู้บริโภคกลุ่มนี้ที่มีกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นได้อย่างไร
“ในฐานะธุรกิจ เราต้องเข้าใจถึงไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของกลุ่มคนที่จะก้าวขึ้นมาเป็นชนชั้นกลาง ซึ่งจะนำไปสู่โอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจสำหรับเรา เช่น ผลิตภัณฑ์ของเราจะตอบโจทย์คความต้องการของพวกเขาหรือไม่”