แล้วคุณเลือกสายไหน iPhone VS Android (จบ)

คอลัมน์ Pawoot.com

โดย ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ

 

ฉะนั้น ในแง่ของโทรศัพท์จะเห็นว่าโลกได้แบ่งเป็น 2 ฝ่ายอย่างชัดเจน แต่ต่างกันสิ้นเชิงเรื่องระบบนิเวศหรือภาพรวม

ฝั่ง Apple ผลิตโทรศัพท์เอง ควบคุมการผลิตเองทุกอย่าง รายได้เป็นของ Apple เองทั้งหมด ขณะที่ฝั่ง Google เป็นเพียงผู้ผลิต OS ขึ้นมาไม่ได้ลงในส่วนของฮาร์ดแวร์เท่าใดนัก

หน้าที่ของ Google คือพยายามผลิตระบบนิเวศ ทำซอฟต์แวร์ให้ดีที่สุดเพื่อผู้ผลิตมือถือจะเอาซอฟต์แวร์ของตนเองเข้าไปใช้ได้ Google จะมีรายได้จากการที่คนเข้ามาใช้ซอฟต์แวร์ของตนเอง เช่น Google Map, Gmail, Hangouts, Chrome ฯลฯ

จะสังเกตว่าในฝั่งของ Google มีแอปพลิเคชั่นที่มียอดดาวน์โหลดและจำนวนคนใช้ทะลุเกินพันล้านคนอยู่หลายตัวมาก

ในภาพรวมหากเปรียบเทียบง่าย ๆ คือ ฝั่ง Google จะเก่งเรื่องซอฟต์แวร์มาก แต่ฝั่ง Apple เก่งด้านฮาร์ดแวร์มาก

ฝั่ง Apple เองก็พยายามพัฒนาตนเองให้เก่งด้านซอฟต์แวร์ด้วยและเช่นกัน Google เองก็พยายามพัฒนาให้เก่งฮาร์ดแวร์และพยายามเป็นระบบเปิดด้วยเหมือนกัน

ตรงนี้แหละคือคำถามว่าคุณจะอยู่ในฝั่งไหน ผมว่าถ้าหากต้องการความง่าย ความสะดวกก็อยู่ในฝั่ง Apple แต่ข้อเสียคือคุณก็ต้องถูกผูกอยู่ในระบบ ออกมาข้างนอกไม่ได้ หากใช้อุปกรณ์ทุกอย่างของ Apple ข้อดีคือทุกอย่างจะผสานเข้าด้วยกันหมด

แต่ถ้าใช้ Android ทุกอย่างอาจกระจัดกระจายสักหน่อย เพราะเขาเป็นเพียงผู้ผลิต OS ไม่สามารถควบคุมระบบนิเวศทั้งหมดได้ จึงขึ้นอยู่ที่ว่าเราจะใช้ตัวไหน

การที่ Apple ออก iPhone ซีรีส์ใหม่เป็นการตอกย้ำความพยายามที่จะฉีกตนเองว่า ฉันคือไฮเอนด์แบรนด์มาก ๆ แม้ราคาเกือบครึ่งแสนคนก็ยังซื้อ แต่ทาง Apple เองก็มีอีกกลยุทธ์หนึ่งคือพยายามปล่อยรุ่นก่อนหน้าอย่าง iPhone 7 หรือ iPhone 8 ให้มีราคาต่ำลงเพื่อเป็น fighting brandถ้าลูกค้ามีเงินไม่มากนักก็ยังซื้อเวอร์ชั่นเหล่านี้ได้

ราคา iPhone ในสมัย “สตีฟ จ็อบส์”กับสมัยนี้ต่างกันลิบลับ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหลายท่านยังซื้อเพราะนี่เป็น iPhone ตัวใหม่และยังจอใหญ่อีกด้วย เป็นสาวกอย่างไรก็ยังซื้อยังชอบอยู่ ซึ่งบอกได้ชัดเลยว่าบางครั้งการถือโทรศัพท์สามารถแสดงอะไรบางอย่าง อย่างตอนนี้ iPhone พยายามเน้นเรื่องนี้

คือบ่งบอกสถานะของผู้ใช้ว่า ฉันแตกต่างจากคนอื่น เพราะหากไปเจาะดูฮาร์ดแวร์ แต่ละตัวที่ Apple นำมาใช้ เทียบกันดูจะเห็นว่าไม่ได้แตกต่างจากของ Android ที่ราคาแค่หมื่นต้น ๆ

เทคโนโลยีของฝั่ง Apple หากเอามาเทียบกับฝั่ง Android บางอย่างช้ากว่าด้วยซ้ำไป แต่หากว่าคุณไม่ได้รีบร้อนมาก สามารถรอได้หรือรอให้ technology cycle ประมาณ 1 ปีคุณจะจ่ายถูกกว่าเดิมเกือบครึ่งเลย โดยเฉพาะฝั่ง Android ราคาจะตกลงเร็วมาก ผู้ซื้อต้องทำใจเพราะคู่แข่งเยอะกว่า ในขณะที่ฝั่ง Apple เป็นแบรนด์ที่ทำอยู่คนเดียว ควบคุมกลไกราคาได้ ควบคุมร้านค้าที่จะนำไปขายได้ เป็นความได้เปรียบที่สามารถควบคุมระบบนิเวศ ระบบการทำธุรกิจแบบเบ็ดเสร็จได้ตามคอนเซ็ปต์ของ “สตีฟ จ็อบส์” ที่ธุรกิจทั้งหมดตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำสามารถควบคุมได้หมดทุกอย่าง

นี่คือการต่อสู้กันของ 2 business model คือของฝั่ง Google ที่เป็นแบบเปิด และของฝั่ง Apple ที่เป็นระบบปิด

สุดท้ายแล้วขึ้นอยู่ที่คุณเองว่า อยากใช้แบบไหน หรืออยากอยู่ฝั่งใคร

อย่าเพิ่งปวดหัวกันไปซะก่อนนะครับ

 


อ่าน >> แล้วคุณเลือกสายไหน iPhone VS Android (1)