
เปิดบริการใหม่อย่างต่อเนื่องสำหรับ LINE ล่าสุดยกระดับ “Rabbit LINE Pay” การชำระเงินแบบดิจิทัลไปอีกขั้นให้ใช้งานง่ายขึ้นผ่านแถบเมนู “wallet” บนหน้าแอป และจับมือกับรถไฟฟ้า BTS ให้ผู้ใช้งาน LINE กว่า 42 ล้านคนเชื่อมบัตรแรบบิทที่ใช้ทั้งโดยสารรถไฟฟ้า BTS และชำระเงินซื้อสินค้า-บริการไว้ด้วยกัน
ทลายข้อจำกัดที่ผู้ใช้บัตรแรบบิทเดิมเติมเงินเข้าระบบผ่านบัตรเครดิต-เดบิตไม่ได้ (หากไม่ได้ซื้อ “เที่ยวโดยสาร” BTS) รวมถึงทำธุรกรรมทางการเงินออนไลน์ไม่ได้ ฝั่งผู้ใช้งาน LINE Pay เดิมก็ใช้เงินในระบบขึ้น BTS ไม่ได้ ถือเป็นการสยายปีกบริการรองรับสังคมไร้เงินสดสู่ผู้ใช้งานทุกเพศทุกวัย
แต่เปิดให้เริ่มใช้งานได้เดือนกว่ามีคำถามมากมาย “ประชาชาติธุรกิจ” เคลียร์ให้ชัดด้วยคำตอบทางการจาก “บริษัท แรบบิท-ไลน์ เพย์ จำกัด” ก่อนหยิบบัตรแรบบิทไปลงทะเบียนใช้งาน
1. ต้องใช้ “เที่ยว” โดยสารในบัตรที่ซื้อมาให้หมดก่อน จะลงทะเบียนสมัครใช้งานในแอปพลิเคชั่น LINE กดที่เมนู “wallet” และกดเลือก “BTS” เพื่อผูกบัตร ซึ่งตั้งแต่ 26 ต.ค.นี้เป็นต้นไปจะสามารถยืนยันตัวตนเพื่อลงทะเบียนเปิดใช้บริการที่ห้องจำหน่ายตั๋วของทุกสถานี BTS ได้แล้ว สะดวกขึ้นกว่าเดิม
2. AIS mPAY Rabbit SIM บัตร Be1st Rabbit รวมถึงบรรดาบัตรแรบบิทที่ด้านหลังบัตรระบุว่า “แรบบิทธุรกิจสำหรับ : Corporate for” บัตร AEON บัตรพนักงาน (Employee Card) ยังไม่สามารถนำมาผูกบัญชีได้ ต้องรอเฟสต่อไปในปีหน้า
3. ปัญหาที่เมื่อผูกบัตรแล้วไม่สามารถใช้บัตรแตะจ่ายเงินตามร้านต่าง ๆ ได้เหมือนเดิมนั้น จะถูกแก้ไขภายในสิ้นปีนี้ด้วยการอัพเกรดเครื่องอ่านบัตรสำหรับจ่ายเงิน แต่สำหรับร้านใหญ่ ๆ ที่คนใช้งานเยอะอย่างแมคโดนัลด์ จะใช้ได้ทุกสาขาภายในสิ้นเดือน พ.ย.
“ยังใช้จ่ายเงินซื้อสินค้าและบริการได้เหมือนเดิม แต่รูปแบบการใช้งานจะเปลี่ยนไปจากเดิมที่ใช้บัตรแตะติ๊ด ๆ ที่เครื่องอ่านเพื่อชำระเงิน กลายเป็นการเปิดแอปเพื่อสแกนคิวอาร์โค้ดแทน เป็นโมบายเพย์เมนต์ 100% บัตรแรบบิทจะถูกใช้เมื่อต้องโดยสารรถ BTS เท่านั้น”
4. “ยังใช้บัตรกับรถ BRT” ได้เหมือนเดิม แต่ต้องเติมเงินที่เคาน์เตอร์รถโดยสารพิเศษ BRT เท่านั้น และจะเป็นวงเงินที่แยกออกไปต่างหากจากวงเงินหลัก
5. จนกว่าจะถึงช่วงไตรมาส 3 ปี 2562 การผูกบัตรแรบบิทเข้ากับ “Rabbit LINE Pay” ยังทำได้แบบ 1 บัตร ต่อ 1 บัญชีเท่านั้น แต่หลังจากนั้นทาง LINE มีเป้าหมายจะให้ 1 บัญชีผูกกับบัตรแรบบิทได้สูงสุด 4 ใบ
6. “เงินไม่หาย” ถ้าบัตรแรบบิทหาย หรือโทรศัพท์หาย ต้องลบหรือลงแอปพลิเคชั่น LINE ใหม่ เพราะทั้งจำนวนเงินและเที่ยวโดยสารที่เติมไว้จะอยู่ในระบบคลาวด์ของ “Rabbit LINE Pay” หากตราบใดที่ยัง log in กับบัญชี LINE เดิมได้ ทุกอย่างยังคงอยู่ แต่ในกรณีที่บัตรหาย ต้องแจ้งอายัดบัตร หากเจอบัตรเดิมก็สามารถแจ้งปลดอายัดได้ แต่ถ้าไม่เจอต้องซื้อบัตรแรบบิทใหม่แล้วนำมาผูกกับบัญชีเดิม
ถ้าใช้บัญชี LINE ใหม่ ทุกอย่างก็ต้องเริ่มใหม่หมด
“เมื่อซื้อบัตรใหม่มาผูก เงินในบัตรเดิมยังคงอยู่ แต่ลูกค้าโอนมาใส่บัตรใหม่เองไม่ได้ ต้องติดต่อ Rabbit LINE Pay Call Center ให้โอนให้ แต่ถ้าเป็นเที่ยวเดินทางที่เหลืออยู่จะไม่สามารถโอนได้ แต่บัตรที่โดนอายัดหรือยกเลิกผูกกับแอปไปแล้วจะไม่สามารถนำไปผูกกับบัญชี LINE Pay อื่น ๆ ได้ แต่บัตรที่ถูกยกเลิกยังนำไปใช้เติมเงินที่ห้องจำหน่ายตั๋วที่ BTS ได้”
ปัจจุบัน Rabbit LINE Pay มีร้านค้าในเครือข่ายราว 50,000 ร้านค้า สิ้นปีคาดว่าจะเพิ่มเป็น 60,000 ร้านค้า โดยมีโปรโมชั่นพิเศษให้กับผู้ใช้งานผ่านวอลเลตมากกว่าใช้บัตรแรบบิทจ่าย ทั้งยังชำระบิลค่าสาธารณูปโภคได้กว่า 78 รายการ ที่สำคัญคือมีบริการโอนเงินให้เพื่อนใน LINE โดยไม่มีค่าธรรมเนียม
ทั้งนี้ผู้ใช้บริการ สามารถติดต่อสอบถามเกี่ยวกับ Rabbit LINE Pay ได้ทางบัญชีไลน์ @rabbitlinepay หรือศูนย์บริการลูกค้าที่เบอร์ 02-333-3388 ทุกวัน เวลา 09.00-18.00 น.