อีสปอร์ตจุดพลุธุรกิจเกมเฟือง แนะรัฐอัพเกรดเทียบชั้นไทยพรีเมียร์ลีก

กระตุ้นรัฐอัพเกรด “อีสปอร์ต” เทียบชั้นพรีเมียร์ลีกจุดพลุธุรกิจเกมโตทะลุ 20,000 ล้านบาทแบรนด์สินค้าไอทีทั้งฮาร์ดแวร์-ซอฟต์แวร์เกมพร้อมสนับสนุนปลุกตลาดคึกคัก ฟากสมาคมอีสปอร์ตเดินหน้าร่างกฎเกณฑ์และนักกีฬาและจัดระเบียบการแข่งขัน

นายเสถียร บุญมานันท์ ประธานกรรมการ CEO บริษัท นีโอลูชั่นอีสปอร์ต จำกัด กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในประเทศสหรัฐอเมริกาได้คาดการณ์ว่าอีก 10 ปี ข้างหน้า การแข่งขันเกมออนไลน์หรืออีสปอร์ตจะเป็น 1 ใน 5 กีฬาที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก จากปัจจุบันมีผู้ชมกีฬาอีสปอร์ต กว่า 600 ล้านคนทั่วโลก

และการที่ประเทศไทยยอมรับให้อี สปอร์ตเป็นกีฬาทำให้สังคมให้การยอมรับมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาแบรนด์สินค้าอุปโภคบริโภคต่าง ๆ เริ่มทำการตลาดผ่านเกมออนไลน์มากขึ้นทำให้ธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับอีสปอร์ตในประเทศไทยเติบโตขึ้นด้วย รวมถึงนักกีฬามีรายได้มากขึ้น มีผู้ประกอบการจัดตั้งสโมสรได้ส่งผลให้ระบบการจัดแข่งดีขึ้น

ดันเทียบชั้นไทยพรีเมียร์ลีก

ขณะที่นักกีฬาเองก็มีความภูมิใจที่ได้เป็นตัวแทนประเทศไปแข่งขัน ปัจจุบันธุรกิจเกมเป็นธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกมาตั้งแต่ปี 2011 มีมูลค่ามากกว่าภาพยนตร์ฮอลลีวูด และหนังสือรวมกัน ดังนั้นการที่รัฐมาสนับสนุนอีสปอร์ตส่งเสริมให้ตลาดเติบโตขึ้นอีก

“สิ่งที่รัฐบาลควรให้การสนับสนุนหลังประกาศให้อีสปอร์ตเป็นกีฬาแล้ว คือทำให้ทีมเป็นทีม และมีสโมสรชัดเจน เพื่อทำให้แบรนด์ต่าง ๆ กล้าสนับสนุนกีฬาอีสปอร์ต และคนทั่วไปมองเห็นมุมดี ๆ ของเกมทำให้เป็นรูปธรรมแบบไทยพรีเมียร์ลีก โดยเฉพาะสมาคมอีสปอร์ตที่ควรเข้ามาช่วยเรื่องการจัดระเบียบต่าง ๆ ”

ปัจจุบันในประเทศไทยมีการแข่งขันระดับโปรลีก 2-3 ลีก และมีสโมสร ประมาณ 10 แห่ง มีทีมเป็นหลักร้อย และมีนักกีฬาหลักพันขึ้นไป ขณะที่ในจีนนักกีฬาอีสปอร์ตมีเงินเดือนหลักเเสน และมีการซื้อตัวมูลค่าสูงถึง20 ล้านบาท แต่ในไทยยังไม่มีเงินเดือนจริงจัง อยากย้ายทีมเมื่อไรก็ได้ ยังไม่มีระบบ เป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างแรก เพื่อให้เป็นกีฬาที่แท้จริง

ลุ้นตลาดเกมโตทะลุ 2 หมื่น ล.

สำหรับมูลค่าตลาดเกมของประเทศไทยปีที่ผ่านมา มีมูลค่า 19,000 ล้านบาท (ทั้งเกมพีซี, เกมโมบาย) และคาดว่าปีนี้จะเติบโตขึ้นเป็น 23,000-26,000 ล้านบาท ซึ่งไทยติดอันดับท็อป 20ตลาดเกมที่ใหญ่ที่สุดในโลก และถือเป็นประเทศยุทธศาสตร์ทำให้ผู้ให้บริการเกมต่างเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยทำให้การแข่งขันในตลาดสูงขึ้น

ส่วนตลาดอีสปอร์ตในไทย มีมูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท แม้ยังไม่มีการเก็บเงินค่าเข้าชม มีเพียงสปอนเซอร์ แต่คาดว่าภายใน 4 ปีข้างหน้าจะเติบโตถึง 2,000 ล้านบาท จากปัจจุบัน 70% ของเด็กอายุ 13-25 ปี ในไทยเล่นเกม โดยนีโอลูชั่นเข้ามาสนับสนุนอีสปอร์ตมาร่วม 10 ปี โดยจัดตั้งทีมไปแข่งในต่างประเทศ สร้างสนามแข่งอีสปอร์ตรายแรก และได้แชมป์โลกมาแล้ว 4 ครั้ง

นอกจากนี้ บริษัทยังมีธุรกิจขายอุปกรณ์เกี่ยวกับเกม โดยปีที่ผ่านมามีรายได้ 250 ล้านบาท และตั้งเป้าการเติบโตในปีนี้ที่ 30% ปัจจุบันขยายตลาดไปใน 5 ประเทศ ได้แก่ ลาว พม่า กัมพูชา ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ พร้อมทั้งมีแผนนำโมบายเกมจากจีนเข้ามาทำตลาดในไทยด้วย

ด้านนายสันติ โหลทอง นายกสมาคมไทยอีสปอร์ต กล่าวว่า เมื่ออีสปอร์ตได้รับการยอมรับให้เป็นกีฬาจะช่วยให้เกมได้รับการยอมรับจากสังคมมากขึ้น จากที่มีไว้เพื่อความสนุก กลายเป็นกีฬาที่สร้างรายได้ช่วยให้ผู้ลงทุนในวงการเกมมีความมั่นใจส่งผลให้เจ้าของแบรนด์สินค้าต่าง ๆ มีทิศทางการลงทุนชัดเจนขึ้น ซึ่งสมาคมจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางคอยเชื่อมโยงกับภาครัฐทำให้ตลาดเกมที่กำลังเติบโตอยู่แล้วยิ่งเติบโตได้อีก

ลุยจัดระเบียบ “อีสปอร์ต”

โดยทางสมาคมจะเป็นผู้ร่างกฎเกณฑ์ขึ้นเพื่อจัดระเบียบ ซึ่งต้องสอดคล้องกับรัฐบาล เชื่อว่าภาครัฐจะมีมาตรการมาชี้แนะให้กลุ่มธุรกิจเกม เช่น เวลาในการเล่นเกมหรือฝึกซ้อมอาจมีกฎระเบียบมากขึ้น และมีการลงทะเบียนชัดเจน รวมถึงมีมาตรการในการคัดเลือกนักกีฬา

“เรื่องการสนับสนุนในปัจจุบัน ด้านอุปกรณ์เกมมิ่งเชื่อว่าแบรนด์เกมมิ่งทุกแบรนด์พร้อมให้การสนับสนุนจึงไม่กังวลเรื่องนี้”

ส่วนการสนับสนุนของภาครัฐมองว่าอยากให้เข้ามาช่วยสนับสนุนด้านสุขภาพของนักกีฬา เนื่องจากในบ้านเรายังมีความรู้เรื่องนี้น้อย และสมาคมเองก่อตั้งมา 4 ปี ที่ผ่านมา มีเอเซอร์เป็นผู้สนับสนุนหลัก ต่อไปคงมีหลายแบรนด์เข้ามาร่วมมากขึ้น

“เราเองยังไม่เคยคุยเรื่องเงินกับทางรัฐบาล เพราะยังไม่ได้มองเรื่องนี้ เนื่องจากต้องการสร้างความมั่นคงและสร้างชื่อเสียงก่อน ค่อยนำเงินมาสนับสนุนก็ได้ อย่างที่บอกว่าอยากให้รัฐมา สนับสนุนด้านสุขภาพนักกีฬา โดยเฉพาะเรื่องสายตา และการใช้อุปกรณ์ที่พอดี”

ปัจจุบันในประเทศไทย มีนักกีฬาอี สปอร์ต ประมาณ 7,000 คน แต่ถ้าเป็นระดับมือโปรมีประมาณ 400-500 คน บางคนมีเงินเดือนในฐานะกีฬาและได้รับการถูกทาบทามให้ไปอยู่กับทีมต่างชาติบ้างแล้ว

แบรนด์ดังทั่วโลกแห่มาไทย

นายถกล นิยมไทย ผู้จัดการประจำประเทศไทย ฝ่ายผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์ เลอโนโว กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า แบรนด์สินค้าเกี่ยวกับเกมจากทั่วโลก ทั้งซอฟต์แวร์ และฮาร์ดแวร์จะเริ่มหันมามองตลาดในประเทศไทยมากขึ้นเนื่องจากเห็นความพร้อมและความตื่นตัวของภาคส่วนต่าง ๆ รวมทั้งตลาดเกมในประเทศไทยปัจจุบัน ถือเป็นอันดับ 2 ในอาเซียน หากสามารถผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางในการปล่อยสินค้า รวมทั้งการจัดการแข่งขันได้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้

และสำหรับแบรนด์เลอโนโว ปัจจุบันผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊กสำหรับกลุ่มเกมมิ่งมีสัดส่วนยอดขาย ประมาณ 15% ในแง่จำนวนเครื่อง และ 24% ในแง่รายได้ เนื่องจากราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 30,000 บาทขึ้นไป และมีอัตราเติบโตเฉลี่ยไตรมาสละ 120%

“ศูนย์การค้าต่าง ๆ เริ่มมีการโปรโมตสินค้าเกมมิ่งชัดเจนขึ้น ทำให้ตลาดสมบูรณ์ขึ้น ผู้บริโภคเองก็มีการตื่นตัว ดังนั้นจะเห็นได้ว่าตลาดโน้ตบุ๊กเกมมิ่งโตเกิน 100% เป็นกลุ่มที่เติบโตที่สุดในตลาดโน้ตบุ๊ก”

ส่วนกำลังซื้อของผู้บริโภคโดยรวมตนมองว่า ในกลุ่มระดับกลางและล่างค่อนข้างฝืด สังเกตได้จากยอดขายในงานคอมมาร์ตครั้งที่ผ่านมาที่ระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น และเน้นไปในเรื่องความคุ้มค่าเป็นหลัก ขณะที่ตลาดกลุ่มบนยังโตได้ เลอโนโวเองจึงหันมาเน้นทำตลาดในลูกค้าระดับบนขึ้นไป

โดยการทำตลาดในครึ่งปีหลัง บริษัทจะเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าที่เหมาะกับผลิตภัณฑ์ เช่น กลุ่มการศึกษา จะนำเครื่อง 2in1 เข้าไปทำตลาด คาดว่าจะทำได้ดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากการสนับสนุนจากภาครัฐ และเป็นช่วงไฮซีซั่นที่ผู้บริโภคเน้นจับจ่ายช่วงสิ้นปี ซึ่งจะมีโปรโมชั่นต่าง ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้ยอดขายเติบโต 5-10% ภายในสิ้นปีนี้