หลักสูตรพัฒนาธุรกิจยุคใหม่ ยกระดับการเรียนรู้

คอลัมน์ Pawoot.com

โดย ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ

การศึกษาในปัจจุบันอาจตอบโจทย์การเรียนรู้ได้ไม่เพียงพอเท่าที่ควร ก่อนนี้หลายคนอาจเลือกเรียนต่อปริญญาโทเพื่อหาความรู้ หา connections

แต่ปัจจุบันรูปแบบการศึกษาเปลี่ยนไป มีหลักสูตรการศึกษาต่าง ๆ มากขึ้น เพื่อตอบโจทย์การเรียนรู้เฉพาะกลุ่มมากขึ้น ซึ่งได้การตอบรับค่อนข้างดี และแน่นอนว่าส่งผลต่อหลักสูตรการศึกษาปริญญาโทอย่างแน่นอน

ช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา จะเห็นว่าภาครัฐเองก็เริ่มยกระดับการเรียนรู้ รวมไปถึงสถาบันวิทยาการตลาดทุน (วตท.) วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) หรือสถาบันพระปกเกล้า ฯลฯ เพราะทำแล้วได้รับความสนใจจนเกิดเป็นเทรนด์อย่างมหาวิทยาลัยศรีปทุมก็จะมีหลักสูตร ABC : Academy of Business Creativity จะสอนเรื่อง creativity เน้นกลุ่มนักธุรกิจเป็นหลัก แต่ผมรู้สึกว่าควรจะมีหลักสูตรดี ๆ เกี่ยวกับ digital โดยเฉพาะ ก็เลยเปิดหลักสูตรพัฒนาการใช้สื่อดิจิทัลเชิงสร้างสรรค์ (DEF-Digital Edge Fusion) เพื่อสอนให้ผู้บริหารเข้าใจเรื่องดิจิทัลจริง ๆ ส่งผลให้ธุรกิจเติบโตและประสบความสำเร็จได้

สำหรับหลักสูตร DEF จะช่วยเติมเต็มความรู้ด้านดิจิทัลในส่วนที่ผู้เรียนขาดไปและสามารถนำความรู้นี้ไปใช้งานได้จริง ๆ ซึ่งต้องบอกว่าหลักสูตร DEF แตกต่างจากหลักสูตรอื่น ๆ ในส่วนการสร้างประสบการณ์จริงให้กับผู้เรียน

กลุ่ม CP เองก็เปิดหลักสูตร ARM (Advance Retail Management) มาจับกลุ่มลูกค้าที่เป็น supplier มากขึ้น หรือกลุ่มสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (F.T.I.-The Federation of Thai Industries) ก็จะเจาะรุ่นลูกหลาน กลุ่มมหาวิทยาลัยหอการค้า หลักสูตร TEPA ขึ้นมาเพื่อรวมกลุ่มใหญ่ ๆ และยังมีอีกหลายหลักสูตร

ถามว่าทำไมคนถึงหันไปเรียนหลักสูตรการเรียนรู้เหล่านี้มากขึ้น อาจเป็นเพราะว่าหลักสูตรเหล่านี้เป็นหลักสูตรการเรียนการสอนเพื่อ community นั้น ๆ ซึ่งตอบโจทย์หลาย ๆ อย่าง ได้ความรู้เฉพาะทางจริง ๆ ได้เจอคนที่ต้องการ คนในอุตสาหกรรมเดียวกัน และได้เพิ่ม connection ให้กับตัวเองด้วย

โดยประโยชน์ที่ได้จากการเปิดหลักสูตรต่าง ๆ ขึ้นมา จะมีหลักคล้าย ๆ กัน คือให้คนในอุตสาหกรรมเดียวกันได้ทำความรู้จักกัน

แต่หัวใจสำคัญของการหลักสูตรการศึกษา คือ การมีกิจกรรมร่วมกันภายในกลุ่ม โดยจะมีกันทุกหลักสูตร ซึ่งบางครั้งอาจจะเห็นว่ามีการสังสรรค์กันเยอะมาก แต่ผมว่าจริง ๆ มันแบ่งออกไปได้หลายกลุ่ม ทั้งปาร์ตี้จากกลุ่มของหลักสูตรที่จัดไว้ อาจเป็นทุกเย็นในวันที่เรียน มีการแบ่งกลุ่ม มีการจัดงานที่สลับกันไปและปาร์ตี้ที่กลุ่มนักเรียนจัดปาร์ตี้กันเอง และสิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับเลยคือปาร์ตี้แต่ละครั้งทำให้คนสร้าง connection ได้รวดเร็วมากจริง ๆ

บางส่วนมองว่าหลักสูตรเหล่านี้กลายเป็นกลุ่มสะสม connection บางหลักสูตรมีผู้บริหารฝั่งรัฐบาลเข้าไปเรียนด้วย ทำให้คนฝั่งเอกชนเองก็สนใจเข้ามาเรียนหลักสูตรนี้ด้วยเช่นกัน เพื่อสะสม connection เพื่อการช่วยเหลือซึ่งกันและกันในภายภาคหน้า แต่ก็เหมือนเหรียญ 2 ด้าน ซึ่งกลุ่มหนึ่งก็จะมองว่าเป็นเรื่องปกติ แต่อีกกลุ่มอาจมองว่ามันมีอะไรเบื้องลึกเบื้องหลังหรือเปล่า

ส่วนตัวผมเองที่เรียนหลักสูตรเหล่านี้ก็เจอนักการเมืองเหมือนกัน ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกันที่ไม่ใช่เรื่องการเมืองทำให้ผมได้เห็นเขาในมุมมองที่ต่างออกไป จนตอนนี้ผมนับถือเป็นพี่เป็นน้องกันเลยมองว่าความสัมพันธ์ที่ได้จากตรงนี้ก็สามารถต่อยอดไปเรื่องอื่นได้ด้วยเหมือนกัน