สิริ เวนเจอร์ส ทุ่มงบฯลงทุนกองทุน-สตาร์ตอัพปี”62 อีกเท่าตัว พร้อมเท 600 ล้านบาท เฟ้นหาเทคโนโลยีใหม่หนุนวงการก่อสร้าง สุขภาพ ที่อยู่อาศัย รับสังคมสูงวัย พร้อมลุย “Private PropTech Sandbox” เปิดพื้นที่หนุนสร้างนวัตกรรมใหม่
นายจิรพัฒน์ จันทร์เจิดศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยี บริษัท สิริ เวนเจอร์ส จำกัด PropTech ภายใต้ความร่วมมือระหว่างแสนสิริ และไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่าหลังก่อตั้งได้ 1 ปี ได้ลงทุนใน 6 สตาร์ตอัพและ 2 กองทุนรวมมูลค่ากว่า 300 ล้านบาทอาทิ Semtive สตาร์ตอัพที่พัฒนากังหันลมพลังงานไฟฟ้าสำหรับที่อยู่อาศัย, Astralink ที่พัฒนาเทคโนโลยีตรวจสอบงานก่อสร้าง 3 มิติแบบเรียลไทม์, Onion Shack สตาร์ตอัพที่พัฒนาการสนทนาด้วยเสียงผ่านปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ AppySphere สตาร์ตอัพผู้พัฒนาระบบ home automation เพื่อใช้ในแสนสิริ โฮม เซอร์วิส แอปพลิเคชั่น, Farmshelf ที่พัฒนาการปลูกผักอัจฉริยะภายในที่พักอาศัย รวมถึงการเริ่มนำ e-Scooter จาก Neuron สตาร์ตอัพสัญชาติสิงคโปร์มาทดลองใช้ในโครงการอสังหาริมทรัพย์เป็นครั้งแรกในโครงการ 40-50 คัน โดยใช้ในโครงการ “ฮาบิโตะ”ใน T77 และโครงการภายใต้แบรนด์ดีคอนโด ที่เชียงใหม่ และได้เข้าลงทุน Fifth Wall กองทุนสัญชาติอเมริกัน ที่เน้นลงทุนในเทคโนโลยีด้านอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก และลงทุนในกองทุน “Hua Xing” กองทุนใหญ่ในประเทศจีน
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- ยูโอบี ย้ำลูกค้าบัตรเครดิตซิตี้ ยังใช้งานได้ปกติ แจงสิ่งควรรู้หลังโอนพอร์ต
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
สำหรับปี 2562 วางแผนต่อยอดเทคโนโลยีที่ลงทุนให้มากขึ้น อาทิ แอปพลิเคชั่นแสนสิริ จะเพิ่มจำนวนพาร์ตเนอร์จากที่มีอยู่ 10 ราย และจะเน้นการใช้งานอัจฉริยะ ให้จำพฤติกรรม แจ้งเตือนการซ่อมบำรุงโดยอัตโนมัติ พัฒนาฟังก์ชั่นคำสั่งเสียงให้ใช้งานได้ลื่นไหล และมีไลฟ์สไตล์ช็อป ปัจจุบันยอดดาวน์โหลด 25,000 ครั้ง จากลูกค้า 80,000 ราย มียอดแอ็กทีฟเดือนละ 60% ตั้งเป้าปี 2562 จะมียอดทั้งผู้ใช้และแอ็กทีฟเติบโต 2 เท่า, ขยายการใช้งานสกูตเตอร์ในโครงการอื่น ๆ โดยกำลังเจรจากับ BTS เพื่อขออนุญาตจอด, ต่อยอดการนำของเสียมาทำแก๊สหุงต้ม รวมทั้งเพิ่มกังหันลมไฟฟ้า และใช้เทคโนโลยี VR ช่วยในการก่อสร้างมากขึ้น ด้านหุ่นยนต์แสนดี ปัจจุบันมีใช้ 2 ตัว เนื่องจากต้นทุนสูงประมาณตัวละ 2 ล้านบาท ดังนั้นมีแผนที่จะลงทุนเปิดโรงงานประกอบกับบริษัท technetics และสร้างเครือข่ายพาร์ตเนอร์ไปในอาเซียนมากขึ้น
จากการลงทุนทำให้แสนสิริสร้างตึกได้เร็ว ลดต้นทุน ขายง่าย ลูกค้าใช้งานได้สะดวกขึ้น และช่วยพัฒนาอีโคซิสเต็มของสตาร์ตอัพจากพาร์ตเนอร์ ช่วยให้ขยายตลาดไปต่างประเทศได้
ปี 2562 จึงจะเพิ่มงบฯลงทุนในสตาร์ตอัพและกองทุนเป็น 600 ล้านบาท แต่อาจจะลงทุนในสตาร์ตอัพและกองทุน 6-8 รายเท่าเดิม เน้นที่สตาร์ตอัพซีรีส์เอขึ้นไป ขยับจากเดิมที่เป็นเออร์รี่สเตจ และเน้นที่เทคโนโลยีด้านการก่อสร้าง (ConsTech) เทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน (sustainablity) เทคโนโลยีอสังหาริมทรัพย์ (PropTech) และเพื่อการอยู่อาศัยและสุขภาพ (LivingTech & HealthTech)
ทั้งยังเตรียมเดินหน้าโครงการ “SIRI VENTURES Private PropTech Sandbox” สร้างพื้นที่ให้สตาร์ตอัพได้ทดลองตัวโปรดักต์ โดยสิริ เวนเจอร์ส สนับสนุนในส่วนของพื้นที่ เงินให้เปล่า ลูกบ้านที่เข้ามาร่วมทดลองได้ แต่ทุกโปรดักต์จะต้องอยู่บนพื้นฐานของกฎหมายที่มีอยู่ แม้ว่าหลายเทรนด์กำลังมาแรง อาทิ บล็อกเชน การนำบ้านมาแปลงเป็นหน่วยลงทุน แต่ในไทยยังไม่มีกฎหมายรองรับ โดยหวังว่า 50% ของโครงการที่เข้าร่วมจะนำไปต่อยอดได้จริง โดยเฉพาะปัญหาในธุรกิจอสังหาฯที่ขายบ้านมือ 2 ได้ยาก
สำหรับ 4 เทรนด์เทคโนโลยีที่ให้ความสนใจคือ 1.การทำ ICO (ระดมทุนด้วยเหรียญดิจิทัล) สำหรับนำบ้านมาแปลงเป็นหน่วยย่อยให้นักลงทุนมาร่วมลงทุนได้ เมื่อมีการเช่าหรือขายก็ได้ส่วนแบ่งตามการลงทุน ซึ่งเริ่มเกิดขึ้นแล้วในหลายประเทศ อาทิ บริษัท “brickX” ของออสเตรเลีย แต่ในประเทศไทยยังต้องรอให้คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ก.ล.ต.) ออกกฎหมายรับรอง
2. การพัฒนาระบบที่รองรับใช้ “เสียง” สั่งงานระบบในบ้าน โดยไม่ต้องใช้ผ่านแอปพลิเคชั่น 3. การนำเทคโนโลยีเสมือน ทั้ง AR/VR ในการประเมินการก่อสร้าง และ 4. เทคโนโลยีสำหรับผู้สูงอายุ
“ต่อไปบล็อกเชนจะเป็นเทคโนโลยีเบอร์ 2 รองจากฟินเทคในการนำมาใช้ในตลาดอสังหาฯ เพราะเป็นตลาดที่มีผู้เล่นเยอะ จึงต้องมีหน่วยงานกำกับดูแล และตอนนี้โลกกำลังไปที่การทำ ICO เพื่อให้ร่วมกันลงทุนในทรัพย์สินได้ เช่น ประเทศอังกฤษใช้กับการลงทุนทองคำ ทำให้นักลงทุนสามารถมาลงทุนได้มากขึ้น โดยไม่ต้องมีเงินก้อนใหญ่ ดังนั้นทั่วโลกกำลังไป แต่ไทยต้องรอกฎหมาย ซึ่งได้มีการเข้าหารือกับ ก.ล.ต. เป็นระยะ”
ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลย พิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat
หรือจะสแกน QR Code ในรูป เราพร้อมเสิร์ฟข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจถึงมือผู้อ่านทันที!