พาโล อัลโต เน็ตเวิร์ค คาดการณ์ 5 ภัยไซเบอร์ปี 2562

นายเควิน โอ แลรีย์ (Kevin O’Leary) Field Chief Security Officer ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ของพาโล อัลโต เน็ตเวิร์กส์  กล่าวว่า อนาคตความปลอดภัยทางไซเบอร์ถูกวางเอาไว้ให้เป็นศูนย์กลางในการเปลี่ยนแปลงทั้งหมด ส่งผลให้อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยทางไซเบอร์มีการปรับเปลี่ยนในหลากหลายแนวทาง พาโล อัลโต เน็ตเวิร์กส์ จึงได้นำเสนอคาดการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในภูมิภาคเอเชียแปซิฟกภายในปี 2562 ได้แก่

1.อีเมลสำหรับใช้ในการติดต่อธุรกิจ จากรายงานพบว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ความเสียหายที่เกิดขึ้นทั่วโลกจากการถูกหลอกให้โอนเงินผ่านทางอีเมล หรือที่เรียกว่า Business Email Compromise มีมูลค่ารวมมากกว่า 3.92 แสนล้านบาท (USD 12 billion) จากการที่อาชญากรไซเบอร์มีวิธีในการหลบเลี่ยงระบบป้องกันภายใน

2.ห่วงโซ่อุปทาน หรือ Supply Chain จะกลายเป็นจุดอ่อนให้เกิดการโจมตี ยุคดิจิทัลช่วยลดอุปสรรคที่ขัดขวางการสื่อสารระหว่างกันลงไปได้อย่างมาก อาชญากรไซเบอร์จึงอาศัยจุดอ่อนในการเชื่อมต่อระหว่างกัน และจากห่วงโซ่อุปทานโลก (Global Supply Chain: GSC) ในการโจมตีได้ ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องรู้ว่าบุคคลใด องค์กรหรือหน่วยงานใดบ้าง ที่ติดต่อผ่านระบบที่ใช้งานภายในองค์กรของเรา

3.ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะมีการบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเพิ่มมากขึ้น จากการที่มีความร่วมมือระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการวางกฎระเบียบข้อบังคับในการป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมี มีแนวโน้มอย่างยิ่งว่าในปี 2019 แต่ละประเทศจะมีกรอบแนวคิดเกี่ยวกับความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ในระดับประเทศ เพื่อใช้ปกป้องข้อมูลประชากรของตนเอง

4.ระบบคลาวด์ จะเพิ่มความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น Ecosystems ที่มีหลายชั้น (Multi-layered) ทำให้การวางระบบรักษาความปลอดภัยเป็นเรื่องยุ่งยากสำหรับองค์กรธุรกิจ และผู้ให้บริการคลาวด์ จึงมีความเป็นไปได้ว่าทั้งสองฝ่ายจะหันมาร่วมมือกันในการหาแนวทางในการรักษาความปลอดภัยบนระบบคลาวด์ มากกว่าการรักษาความปลอดภัยของระบบในรูปแบบเดิม


และ 5.เราจะทราบเหตุผลว่าทำไมจึงมีความจำเป็นอย่างมาก ในการบริหารจัดการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยในกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด (Critical Infrastructure) เช่น กลุ่มการสื่อสารโทรคมนาคม กลุ่มขนส่ง กลุ่มพลังงาน ไฟฟ้า ประปา กลุ่มธนาคารและสถาบันการเงิน เป็นต้น การที่ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานต่างๆ เหล่านี้ ได้นำระบบดิจิทัลเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ เป็นการทำงานระหว่างภาคอุตสาหกรรม และระบบเครือข่ายองค์กร จึงทำให้ง่ายในการตกเป็นเป้าหมายในการโจมตีทางไซเบอร์ เราพบว่าการที่ระบบใดระบบหนึ่งหยุดการทำงาน จะส่งผลต่อเซิร์ฟเวอร์แค่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่หากระบบโครงสร้างพื้นฐานที่มีความสำคัญหยุดการทำงานลง อาจส่งผลร้ายแรงต่อชีวิตและทรัพย์สินมากมาย