
ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2561 สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) ได้รายงานผลการดำเนินโครงการจัดให้มีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ชายขอบ 3,920 หมู่บ้าน ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีรับทราบ
พร้อมทั้งสาธิตการใช้งานระบบ Tele Education และชมการรักษาคนไข้ที่ป่วยเป็นโรคตา โดยแพทย์จาก โรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) ผ่านระบบ Tele Medicine ตามโครงการฯ ณ จุดสาธิตนิทรรศการโครงการฯ หน้าตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. เปิดเผยว่า กสทช.ดำเนินการสนองนโยบายรัฐบาล คืนความสุขให้กับประชาชนคนไทยผู้มีรายได้น้อย ด้วยโครงการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล 3,920 หมู่บ้าน
โดยจากข้อมูลประชากรในประเทศไทย มีหมู่บ้านมีทั้งสิ้น 74,987 หมู่บ้าน แบ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจ 20,635 หมู่บ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่บริษัทเอกชนเปิดให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงอยู่แล้ว พื้นที่ชนบท 44,352 หมู่บ้านทางกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ได้ดำเนินการจัดให้มีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงไปแล้ว 24,700 หมู่บ้าน ตามโครงการ “เน็ตประชารัฐ” และ กสทช. รับผิดชอบโครงการ “เน็ตชายขอบ” ในเฟสแรก 3,920 หมู่บ้านที่ติดตั้งแล้ว กับเฟส 2 อีก 15,732 หมู่บ้าน ที่กำลังจะลงนามจัดซื้อจัดจ้าง
โครงการ “เน็ตชายขอบ”
สำหรับพื้นที่โครงการ “เน็ตชายขอบ” เฟสแรก 3,920 หมู่บ้าน ครอบคลุมครัวเรือน 2.1 ล้านครัวเรือน มีประชากร 6.3 ล้านคน โดย “กสทช.” จะสนับสนุนการใช้งาน 5 ปี (ปี 2562 – 2567) ได้แก่
- บริการไวไฟฟรีสาธารณะ จำนวน 5,992 จุด เฉลี่ยหนึ่งหมู่บ้านมีสองจุดให้บริการ
- การเชื่อมโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงฟรีไปยังโรงเรียน 1,210 แห่ง
- การเชื่อมโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 107 แห่ง
- จัดตั้งศูนย์บริการอินเทอร์เน็ตสาธารณะ (ศูนย์ USO Net) 763 ศูนย์ โดยมีเครื่องคอมพิวเตอร์จำนวน 12 เครื่อง และมีเจ้าหน้าประจำศูนย์คอยให้คำแนะนำแก่ประชาชนตลอดระยะเวลา 5 ปี
และหากต้องการลากสายอินเทอร์เน็ตไปใช้บริการส่วนตัวที่บ้าน จะคิดค่าบริการในอัตรา 200 บาทต่อเดือน ด้วยความเร็ว 30/10 Mbps. ซึ่งจะเริ่มให้บริการได้ ตั้งแต่ 1 พ.ค. 2562 และได้รับสิทธิ์ค่าบริการในอัตรานี้จนถึง 30 เม.ย. 2567 ซึ่งถ้าเป็นครัวเรือนของผู้มีรายได้น้อยที่อยู่ภายใต้โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2560 จะสามารถมาลงทะเบียนกับ กสทช. เพื่อขอรับการสนับสนุนค่าใช้บริการอินเทอร์เน็ตส่วนนี้ เป็นระยะเวลา 36 เดือน (พ.ค. 2562 – เม.ย. 2565)
“สิ่งที่ กสทช.ทำสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำ สร้างรายได้ กระจายความเจริญสู่ชนบท เมื่อมีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเกิดขึ้นจะทำให้ ความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นการรักษาพยาบาลการศึกษา ลดลง และทำให้ผู้อยู่ห่างไกลสามารถสร้างรายได้ให้เกิดขึ้นกับตัวเอง ซึ่งถือเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ”
ขั้นตอนการดำเนินการขอรับการสนับสนุน
สำนักงาน กสทช. จะมีหนังสือแจ้งไปยังครัวเรือนที่อยู่ในพื้นที่โครงการทั้ง 6 แสนครัวเรือน เพื่อขอให้ส่งหลักฐานยืนยันการขอรับสิทธิดังกล่าวมายังสำนักงาน กสทช. ในช่วงระหว่างวันที่ 16 ม.ค. 2562 – 15 มี.ค. 2562
ช่องทางการติดต่อแรก คือ ไปรษณีย์ตอบรับที่จะแนบไปพร้อมหนังสือที่ส่งถึงบ้านท่าน ให้ส่งกลับมายังสำนักงาน กสทช. เลขที่ 87 พหลโยธินซอย 8 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10400 หรือสำนักงานเขต และสำนักงานภูมิภาค สำนักงาน กสทช. ที่อยู่ใกล้ท่าน ทั้ง 25 แห่ง ช่องทางการติดต่อสองคือ ช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ [email protected]
ขณะที่หากไม่ได้รับหนังสือ แต่เป็นผู้ที่อยู่ในพื้นที่โครงการ และเป็นผู้มีรายได้น้อยภายใต้โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2560 สามารถติดต่อมายังเบอร์ call center ของ กสทช. เบอร์ 1200 เพื่อขอรับแบบฟอร์มการขอรับสิทธิได้
ทั้งนี้หากพ้นจากวันที่ 15 มี.ค. 2562 ไปแล้ว ครัวเรือนที่ได้รับสิทธิ์แต่ไม่ได้รับหนังสือติดต่อแจ้งสิทธิ์ก็ยังสามารถติดต่อขอรับสิทธิ์เข้ามาที่สำนักงาน กสทช. ได้ เพียงแต่ระยะเวลาการรับสิทธิ์จะลดลงคือจะเริ่มต้นนับตั้งแต่วันเริ่มรับสิทธิ์จนถึงวันสิ้นสุดโครงการเดือนเม.ย. 2565
“ตลอดระยะเวลา 15 ปี ที่ผ่านมา การสร้างโครงข่ายโทรคมนาคมให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศยังไม่มีรัฐบาลชุดไหนสามารถดำเนินการให้ครบถ้วน หาก กสทชได้.เปิดให้บริการครบถ้วนแล้ว จะเป็นรัฐบาลแรกที่วางโครงข่ายโทรคมนาคมได้ครอบคลุมทั้งประเทศ”