ปักธง 3 ปีคืนทุน “true4U” ลุยขึ้นเบอร์ 1

ด้วยจุดเด่นจากการเป็นทั้งเจ้าของโครงข่ายโทรคมนาคม เจ้าของฟรีทีวีและเพย์ทีวี ทำให้ “ทรู คอร์ปอเรชั่น” ก้าวสู่การเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ครอบคลุมมากที่สุด ซึ่ง “พีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา” หัวหน้าคณะผู้บริหาร ด้านคอนเทนต์และมีเดีย บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น ระบุว่าคอนเทนต์เป็นหัวใจสำคัญ และด้วยกลยุทธ์ของบริษัทที่เป็นผู้บุกเบิกการ “คอนเวอร์เจนซ์” สร้างแพ็กเกจให้ลูกค้าสะดวกใช้งาน ทุกวันนี้จึงเดินหน้า “ผนึกกำลัง” กับทุกทรัพยากรภายใต้ทรูคอร์ป เพื่อสร้างกลยุทธ์ที่โดดเด่น-แตกต่าง-ล้ำหน้า ขึ้นเป็นผู้นำด้านคอนเทนต์ สร้างพลังจาก “eyeball” ที่มีในทุกช่องทางของทรูคอร์ป รวมถึงสร้างการรับรู้ให้กับผู้บริโภคว่า สามารถดูคอนเทนต์ดี ๆ ได้ทุกเมื่อในทุกช่องทางของทรู

โดยกลยุทธ์นี้ได้เริ่มลงมือทำตั้งแต่เมื่อปีที่ผ่านมา และในปี 2562 นี้จะเริ่มเห็นผล โดยเฉพาะในช่องทีวีดิจิทัล “true4U” ที่ได้มีการพัฒนาคอนเทนต์ด้วยการตั้งบริษัทร่วมทุนกับ “ซีเจ อีเอ็นเอ็ม” จากเกาหลีใต้ สตูดิโอผู้ผลิตคอนเทนต์อันดับ 1 ในเอเชีย ทำให้มีจุดยืนด้านคอนเทนต์ที่ชัดเจนตรงใจผู้บริโภค โดยเฉพาะวัย 15-39 ปีที่เป็นคนรุ่นใหม่ กำลังสำคัญของประเทศ และเสริมความแข็งแรงในการส่งออกคอนเทนต์ไปต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดจีน

“ทั้งยังได้ดึงมือสร้างแบรนด์ของทรูคอร์ป (ธีรศักดิ์ อรุณเริ่มวัฒนะ) มาช่วยสร้างแบรนด์ true4U ให้เป็นที่รู้จักและอยู่ในใจของผู้ชมทั้งประเทศให้ได้”

“ธีรศักดิ์ อรุณเริ่มวัฒนะ” ผู้อำนวยการกลุ่มด้านคอนเทนต์และมีเดีย บมจ.ทรูคอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า จากนี้ true4U จะใช้กลยุทธ์ “true for All, More4U” ด้วยการใช้อินฟราสตรักเจอร์และทุกช่องทางของทรู ส่งผ่านคอนเทนต์ที่ “สนุกกว่าที่คิด” เป็นมากกว่าการรับชมทั่วไป คือเป็นแพลตฟอร์มที่มีมากกว่าเรตติ้งคอนเทนต์ แต่สามารถการวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมที่พร้อมส่งตรงเนื้อหาได้ถึงกลุ่มเป้าหมายทางการตลาดที่ชัดเจน

“การสร้างแบรนด์ของ true4U จะเปลี่ยนไป งบประมาณด้านนี้อาจจะแค่หลักสิบล้าน แต่จะใช้กลยุทธ์ผนึกกำลังกับทั้งเครือซึ่งมีงบประมาณด้านแบรนดิ้งเป็นพันล้านบาท” 

ด้าน “อภิชาติ์ หงษ์หิรัญเรือง” กรรมการผู้จัดการ ทรูโฟร์ยู ช่อง 24 ระบุว่า ภารกิจที่สำคัญของช่อง ไม่ใช่เรตติ้งหรือการคืนทุน ทำกำไร แต่คือการตอบโจทย์ของทั้งเครือ


“อันดับหรือเรตติ้งไม่สำคัญเท่ากับการก้าวไปอยู่ในใจของผู้ชม ปีนี้พร้อมทุ่มงบประมาณผลิตคอนเทนต์เพิ่มอีกอย่างน้อย 20% หรือราว 800-1,000 ล้านบาท โดยจะไม่มีข้อจำกัดกับทุกเรื่อง เป้าคือการเน้นคุณภาพและเป็นผู้นำเทรนด์ให้ได้ ในวันที่ทุกช่องทีวีดิจิทัลพยายามหนีการดิสรัปต์”