ดึง AI สแกนใบหน้า ปั้นโมเดลรายได้งานวิ่ง

วิ่ง” ยังเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมต่อเนื่อง การจัดงานวิ่งทุกสัปดาห์เป็นสิ่งยืนยัน “ไทยรัน” (ThaiRun) สตาร์ตอัพสัญชาติไทย จึงใช้จังหวะนี้นำนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ (AI) และบิ๊กดาต้า ยกระดับการจัดงานวิ่ง ด้วยเทคโนโลยี “face X” ต่อยอดเป็นระบบการค้นหารูปถ่ายช่วยให้การค้นหารูปของนักวิ่งง่ายและรวดเร็วเพียงเสี้ยววินาที

นอกเหนือจากรายได้เดิมจากบริการแพลตฟอร์มสำหรับการจัดงานวิ่ง ที่มีตั้งแต่การลงทะเบียน ระบบติดตามนักวิ่งตามจุด check point และร้านค้าออนไลน์ shop.thai.run

“รศ.ดร.บุญญฤทธิ์ อุยยานนวาระ” ซีอีโอบริษัท ไทยดอทรัน จำกัด เปิดเผยว่า ได้นำเทคโนโลยี face ID ที่เป็นระบบจดจำใบหน้า (face recognition) มาใช้ตรวจสอบยืนยันบุคคลของนักวิ่ง โดยจะเก็บข้อมูลของนักวิ่งตั้งแต่การสมัครด้วยใบหน้าและหมายเลขประจำตัวเป็นระบบดิจิทัล สร้างด้านความปลอดภัยป้องกันการสวมรอย ทั้งเก็บข้อมูลเชิงการแพทย์ของนักวิ่ง เช่น โรคประจำตัว ยารักษา กรุ๊ปเลือด เพื่อดึงประวัติเข้าช่วยเหลือได้ทันท่วงทีหากฉุกเฉิน

ที่ผ่านมาเมื่อนักวิ่งมาร่วมงานมาราธอนแล้วต้องการภาพถ่ายตนเอง จะต้องไปที่เว็บไซต์ของช่างภาพเพื่อขอซื้อภาพถ่ายซึ่งเป็นขั้นตอนที่ยุ่งยากในการหาเว็บไซต์ของช่างภาพ กว่าจะได้ภาพมาใช้เวลานาน ไทยรันเล็งเห็นช่องว่างตรงนี้จึงเข้ามาเป็นตรงกลางระหว่าง “นักวิ่ง” กับ “ช่างภาพ” ด้วยการทำแพลตฟอร์มที่รวบรวมช่างภาพมืออาชีพในประเทศกว่า 600 คน นำภาพถ่ายมาอัพโหลด ผ่านเว็บไซต์ photo.thai.run นักวิ่งสามารถค้นหารูปตัวเองได้จากหมายเลขประจำตัวผู้วิ่ง (BIB) และค้นหาจากใบหน้าด้วยเทคโนโลยีระบบค้นหาใบหน้าของไทยรันที่เรียกว่า face X

“ไทยรันเป็นเจ้าแรกในประเทศที่พัฒนาระบบการค้นหาและระบบจดจำใบหน้าสำหรับงานวิ่ง ตั้งแต่ปี 2559 สำหรับระบบ face search เป็นระบบการค้นหาภาพจากใบหน้า เพียงอัพโหลดภาพใบหน้าของตนเอง ระบบ AI จะประมวลผลและค้นหาภาพจากใบหน้าใกล้เคียงโดยมีความแม่นยำสูงถึง 95% นักวิ่งสามารถกดซื้อภาพได้ทันที โดยมีราคาตั้งแต่ 50-200 บาท สามารถชำระผ่านบัตรเครดิต เดบิต แรบบิทไลน์เพย์”

จากข้อมูลการจัดงานวิ่งพบว่า ในปี 2561 ที่ผ่านมามีการจัดงานวิ่งทั้งหมดราว 1,000 งาน มีนักวิ่งที่เป็นเป้าหมายตลาดของบริการนี้กว่า 4 หมื่นคนต่อสัปดาห์ สำหรับปี 2562 คาดว่าจะมีการจัดงานกว่า 1,200 งาน

“คาดการณ์รายได้สำหรับปีนี้ตั้งเป้าว่าจะโต 20-30%”

ด้าน “กมล สิริชัน” ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท ไทยดอทรัน จำกัด กล่าวว่า แพลตฟอร์มของไทยรันเปรียบเสมือน “Grab” สำหรับช่างภาพซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้กับ 2 ฝ่าย คือ ช่างภาพ และนักวิ่ง ปีที่ผ่านมามีจำนวนรูปที่ถูกอัพโหลดผ่าน photo.thai.run ประมาณ 800,000 รูปต่อสัปดาห์ มีการกดซื้อรูปจำนวน 40,000 รูป หรือประมาณ 5% ซึ่งช่างภาพจะได้รับส่วนแบ่งจากรายได้ตรงนี้สูงถึง 80%

กระแสการจัดงานวิ่งในปีนี้คาดว่าจะเริ่มอิ่มตัว มีการจัดงานเพิ่มขึ้นไม่มากนัก ปีที่แล้วไทยรันให้บริการงานวิ่งไปทั้งสิ้น 960 งาน จึงมีแนวโน้มจะขยายไปตลาดต่างประเทศ โดยพยายามนำเทคโนโลยีนี้ไปโปรโมตที่ประเทศสิงคโปร์และมาเลเซีย

นอกจากนำเทคโนโลยี ระบบค้นหาใบหน้าและระบบจดจำใบหน้ามาใช้ในงานวิ่งแล้ว ยังมีเป้าหมายขยายแพลตฟอร์มไปงานแต่งงานและงานรับปริญญาซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงทดลอง

ทุก 3 เดือนไทยรันจะจัดการประชุมกับช่างภาพเพื่อพูดคุยถึงแนวทางการทำงาน ฟีดแบ็กของภาพถ่ายเพื่อให้ช่างภาพได้ทราบว่าภาพถ่ายแนวไหนที่นักวิ่งมีการกดซื้อมากเพื่อนำไปปรับปรุงพัฒนา

โดยจากข้อมูลในรอบ 1 ปีพบว่า ภาพถ่ายที่ได้รับความนิยม คือ ภาพที่มีวิวสวย และภาพถ่าย ณ จุดเข้าเส้นชัย ส่วนภาพที่จำหน่ายได้ 80% จะเป็นกลุ่มภาพความละเอียดไม่สูงมาก ราคา 50 บาท ส่วนยอดขายสูงสุดคือราว 4,000 บาทต่อคน